ช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว และภาพลักษณ์ของจีนก็ได้รับการปรับเปลี่ยนจากประเทศใหญ่ด้านการเกษตรมาเป็นประเทศใหญ่ด้านอุตสาหกรรม อีกทั้งทำให้ชาวจีนเกิดความภาคภูมิใจว่า จีนเป็นโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของโลก
แต่ปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมที่ตามมาพร้อมกันและนับวันร้ายแรงยิ่งขึ้นนั้น ทำให้ผู้นำจีนรู้สึกปวดหัวมาก เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ทางการจีนกล่าวกับนาย จิม ยง คิม (Jim Yong Kim) ผู้ว่าการธนาคารโลกว่า วิกฤตมลพิษทางอากาศในฤดูหนาวของกรุงปักกิ่ง ทำให้ชาวจีน กระทั่งชาวโลกหันมาให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงและมลพิษของสภาพอากาศมากขึ้นจริงๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์ "วอชิงตันโพสต์" ของสหรัฐฯ รายงานว่า นาย จิม ยง คิม ผู้ว่าการธนาคารโลกกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนหวังว่าจะกระชับความร่วมมือกับธนาคารโลกในปัญหากระบวนการความเป็นชุมชนเมือง โดยจะจัดตั้งทีมงานผสมที่รวมผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจำนวนมาก เพื่อช่วยจีนจัดวางโครงการในด้านการก่อสร้างเมืองที่สะอาดและน่าอยู่ นี่เป็นปัญหาที่สำคัญมากสำหรับชาวจีน
รายงานยังระบุว่า แม้ว่า่รัฐบาลจีนได้เสริมความเข้มงวดในการบังคับให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมที่มีในปัจจุบันก็ตาม แต่การปรับปรุงและบำบัดโรงงานวิสาหกิจที่ก่อมลพิษอย่างหนักนั้น ยังคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก
อย่างไรก็ตาม การบำบัดมลพิษทางอากาศจะเริ่มขึ้นใน 3 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงโรงงานวิสาหกิจและโรงงานผลิตไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ การออกมาตรฐานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เจาะจงต่อหม้อน้ำขนาดเล็ก และการรับมือกับรถยนต์ชนิดต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
พร้อมๆ กับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน จึงมีความต้องการด้านพลังไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น นายโจว ซีโจว นักวิเคราะห์ของบริษัทให้คำปรึกษา HIS Cera กล่าวว่า ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จีนได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่เพิ่ม 2 แห่งต่อ 1 อาทิตย์ ปัจจุบัน ความเร็วนี้ลดลงเป็น 1 แห่ง ต่อ 1 อาทิตย์ แต่นี่ก็ยังเป็นความเร็วที่น่ากลัวมาก และความเร็วการก่อสร้างเช่นนี้คงดำเนินการต่อไปอีก 5 -6 ปี ปัจจุบัน ปริมาณกำลังไฟฟ้าพลังถ่านหินครองสัดส่วนประมาณ 3 ใน 4 ของยอดการผลิตพลังไฟฟ้าทั่วประเทศ
ปัญหาหม้อน้ำเป็นสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือของจีน เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ต้องการใช้หม้อน้ำในการทำฮีทเตอร์ เช่น กรุงปักกิ่ง ก็มีหม้อน้ำเฉพาะทำความร้อนหรือฮีทเตอร์จำนวนหลายหมื่นเครื่องกระจายตามทั่วเมือง ซึ่งหม้อน้ำเหล่านี้ส่วนมากใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน และไม่มีอุปกรณ์ที่เก็บบำบัดควันเสียควันพิษ
นอกจากนั้น ความเจริญเติบโตขึ้นของจีน ยังทำให้สังคมจีนเกิดกลุ่มคนที่เรียกว่าชนชั้นกลางเหมือนกับประเทศตะวันตก ซึ่งปัจจุับันครองสัดส่วน 10% ของประชากรจีน พวกเขามีรถยนต์ส่วนตัว มีสินทรัพย์พอเพียง สามารถโดยสารเครื่องบินไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้ทุกเมื่อ และจ้างแม่บ้านดูแลรับใช้ในครอวครัวเป็นประจำได้ จนถึงปี 2020 สัดส่วนของกลุ่มชนชั้นกลางจะสูงขึ้นเป็น 40% ของประชากรจีน
ซึ่งชนชั้นกลางเหล่านี้คงไม่พอใจต่อสภาพปัจจุบัน นอกจากมีกินมีใช้แล้ว พวกเขายังต้องการปรับปรุงคุณภาพของชีวิตความเป็นอยู่ เช่น การศึกษา ความปลอดภัยด้านอาหารและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยเฉพาะคาดหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่เริ่มบริหารอำนาจหน้าที่เมื่อหลายเดือนก่อนนั้น จะนำอากาศที่สดชื่นสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยมาให้กับประชาชนจีน
(Yim/Lin)
