เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมหาวิทยาลัยยูนนาน และสำนักพิมพ์สังคมวิทยาแห่งชาติจีนร่วมออก "สมุดปกน้ำเงินอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง" ประจำปี 2013 สมุดปกน้ำเงินระบุว่า ความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเป็นแบบฉบับแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย และความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา แต่ขณะนี้ ประเทศมหาอำนาจนอกภูมิภาคเพิ่มกำลังในการกระจายอิทธิพลสู่ภูมิภาคนี้ ผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ประเทศจีนพยายามประสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ และเพิ่มแรงกระตุ้นทางบวกให้กับการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
สมุดปกน้ำเงินระบุว่า ในช่วงกว่า 20 ปีตั้งแต่ดำเนินความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ความร่วมมือในอนุภูมิภาคนี้ขยายขอบเขตที่กว้างขึ้น และลึกขึ้น แสดงบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศสมาชิก ยกระดับศักยภาพการแข่งขันของอนุภูมิภาคนี้ ตลอดจนการผลักดันรวมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นองค์เดียว นายหลิว จื้อ บรรณาธิการใหญ่สมุดปกน้ำเงินกล่าวว่า นโยบายการเปิดประเทศในยุคใหม่ของจีนช่วยกระตุ้นการพัฒนาเศราฐกิจเวียดนาม ลาว เมียนมาร์ ไทย และกัมพูชาเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ภายใต้ภูมิหลังที่เศรษฐกิจโลกฟื้นฟูได้ยาก การลงทุนในเวียดนาม ลาว เมียนมาร์ ไทย และกัมพูชาเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน จีนเป็นหุ้นส่วนการค้า และการลงทุนที่สำคัญของประเทศเหล่านี้ เมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ยอดการค้าระหว่างจีนกับ 5 ประเทศในอนุภูมิภาคนี้อยู่ที่ 131,800 ล้านเหรียญสหรัฐสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สมุดปกน้ำเงินระบุว่า ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา กิจกรรมการต่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงคึกคักมาก สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดียพยายามเพิ่มกำลังในการกระจายอิทธิพลสู่อนุภูมิภาคนี้ การเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังจากนายบารัค โอบามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัยก็คือเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และเยือนกัมพูชา ไทย และเมียนมาร์ กล่าวได้ว่า ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงกลายเป็นการทดลองยุทธศาสตร์การปรับสมดุลในเอเชียแปซิฟิค และสนามแข่งอำนาจของประเทศมหาอำนาจต่างๆ ศาสตราจารย์หม่า เสี่ยวจุนจากสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์จีนส่วนกลางเห็นว่า จีนควรพยายามประสานความสัมพันธ์ระหว่างมหาประเทศ เพิ่มพลังการพัฒนาให้กับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และสร้างสถานการณ์แบบได้ประโยชน์ร่วมกัน
(Yim/cici)
