การเรียนต่อในประเทศจีนของคนไทย (1)
  2013-08-27 16:12:53  cri

คุณไช่:ท่านผู้ฟังครับ จีน-ไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก การแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาระหว่างทั้งสองประเทศนับเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ในระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมานี้ นักศึกษาจีนที่เดินทางไปศึกษาในประเทศไทยนับวันเพิ่มขึ้น ขณะที่นักเรียนไทยที่เดินทางมาเรียนต่อในประเทศจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน วันนี้ เราจะมาคุยเรื่อง การเรียนต่อในประเทศจีนของนักเรียนไทย คุณรพีพรรณก็เคยยมีประสบการณ์มาเรียนในประเทศจีน ในรายการวันนี้ ผมจะมาล้วงข้อมูลและความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาต่อในประเทศจีนจากคุณรพีพรรณแทนท่านผู้ฟังทุกท่าน

คุณรพีพรรณ: ยินดีมากคะ คิดว่าพอจะมีข้อมูลความรู้อะไรให้ท่านผู้ฟังนำไปพิจารณาได้นะคะ

คุณไช่: ก่อนอื่นอยากทราบว่า เหตุใดคุณรพีพรรณถึงเลือกมาศึกษาเรียนต่อในประเทศจีน คือคุณพ่อคุณแม่บังคับให้มา หรือว่าตัวเองอยากมา

คุณรพีพรรณ: คุณพ่อคุณแม่ให้มาค่ะ แต่ว่าไม่ได้บังคับ คือด้วยความที่ว่า ช่วงนั้น เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีที่ไทย แล้วอยู่ดีๆ ก็เกิดความคิดว่า อยากจะเรียนภาษาจีน ซึ่งตอนนั้นใจเราก็คิดว่า ที่ประเทศไทยก็มีสถาบันสอนภาษาจีนมากมาย เราก็อยากขอเงินจากคุณพ่อคุณแม่ไปเรียน ท่านพอได้ฟังก็รีบไปจัดการให้ โดยติดต่อสอบถามเพื่อนที่มาจากเมืองจีนว่า ไปเรียนที่จีนจะต้องทำอย่างไร สรุปแล้วคือ คุณพ่อคุณแม่ให้โอกาส ท่านไม่ได้บังคับให้มา ท่านเห็นว่า มาเรียนในประเทศจีนน่าจะช่วยให้ตัวเราพัฒนาดีขึ้น เพราะสำหรับตัวเอง การจะเรียนภาษาต้องอาศัยสภาพแวดล้อมอย่างมาก เพื่อนๆ ที่ดิฉันเคยรู้จักเรียนภาษาจีนในประเทศไทยได้ประสบความสำเร็จดีมาก แต่สำหรับดิฉันเอง คุณแม่มองว่า ถ้าอยู่ในไทย ลูกเราพูดไม่ได้แน่ๆ ท่านก็เลยส่งเรามาเรียนในจีน ด้วยความที่จังหวะเป็นช่วงที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีพอดีด้วย ก็เลยได้โอกาสมา

คุณไช่: เมื่อตัดสินใจจะมาเรียนแล้ว ต้องติดต่อกับใคร ทำอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายแพงแค่ไหน

คุณรพีพรรณ: ตอนแรก ดิฉันมาเรียนภาษาจีนก่อน เพราะว่ายังไม่มีพื้นฐานภาษาจีน คุณพ่อคุณแม่ก็เลยติดต่อผ่านเพื่อนที่มาจากจีน ซึ่งยังมีญาติอยู่ที่เมืองจีน หลังติดต่อทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย คุณพ่อคุณแม่ก็พาเรามาสมัครเรียนภาษาจีนที่เมืองเซี่ยเหมินของจีน

ส่วนทางด้านค่าใช้จ่าย การมาเรียนที่ประเทศจีน ค่าใช้จ่ายน่าจะถูกกว่าทางประเทศตะวันตก ภาระตรงนี้คุณพ่อคุณแม่ยังรับไหว ดิฉันยังจำได้ว่า ห้องพักคือห้องรวม มีสามห้องย่อย ในห้องย่อยมีห้องน้ำ มีห้องรับแขกเล็กๆ อยู่ตรงกลาง ยังมีทีวีและเครื่องซักผ้าให้ใช้ร่วมกันสามห้อง ห้องย่อยแต่ละห้องมีสองเตียง พักได้สองคน จริงๆ แล้วไม่แออัด ในความรู้สึกถือว่าดี

คุณไช่: ก่อนออกเดินทาง คุณรพีพรรณต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า

คุณรพีพรรณ:ยังจำได้ว่าตอนนั้นซื้อมาม่ามาเยอะมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่กลัวว่าเรามาช่วงแรกๆ ปรับตัวไม่สะดวก ก็อย่างน้อยมีอาหารสำเร็จรูปให้รองท้อง แต่ว่าสำหรับตัวเองแล้ว โรงอาหารเป็นหลัก พวกเสื้อผ้าก็ขนมามาก ดิฉันเรียนภาษาที่เมืองเซี่ยเหมินสามเทอม แล้วก็ย้ายขึ้นเหนือไปเมืองเทียนจินหนึ่งเทอม ก็กลับไปหางานที่เมืองไทย หลังจากนั้นก็ได้โอกาสกลับมาเรียนต่อปริญญาโทที่ปักกิ่งเมื่อปี 2008

คุณไช่:ทุกวันนี้ยังจำสภาพวันแรกที่เดินทางถึงมหาวิทยาลัยในจีนได้ไหม ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย

คุณรพีพรรณ: ตอนมาเรียนภาษาคุณพ่อคุณแม่มาส่ง ก็เลยไม่รู้สึกลำบาก แต่ครั้งที่สอง มาเรียนปริญญาโทก็มาเอง เพราะนอกจากอายุเพิ่มขึ้น เราก็พอจะมีพื้นฐานภาษาจีน ก็มาด้วยตัวเองคราวนี้ คุณพ่อคุณแม่มาส่งที่สนามบินแค่นั้น พอถึงปักกิ่ง ดิฉันนั่งรถบัสสนามบินสายที่แวะผ่านมหาวิทยาลัย "เหรินต้า" (มหาวิทยาลัยประชาชนจีน) ค่าโดยสารเพียง 16 หยวนเท่านั้น ด้วยความคิดที่ว่า รู้ว่ามีรถบัสสนามบินผ่านเส้นทางนี้ แต่ลืมไปว่า ไม่ได้มาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยโดยตรง พอลงตามป้ายก็หลงทิศทันที จริงๆ แล้ว ดูจากคู่มือแนะนำของมหาวิทยาลัยบอกว่า เดินอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึง แต่พอลงมานอกจากหลงทิศ ยังมีภาระกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หนักมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจนั่งแท็กซี นับเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งคะ

https://thai.cri.cn/461/2011/07/08/101s188029.htm

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040