จากที่เคยเอ่ยถึงไปก่อนหน้านี้ว่า ธุรกิจงานพิมพ์การ์ดหรือปฏิทินรับปีใหม่นี้ ไม่คึกคักเท่าที่ควร รายรับจากที่เคยได้ของบรรดาโรงพิมพ์ใหญ่น้อยต่างหดหายกันไปเป็นแถว เนื่องจากนโยบายประหยัดรัดกุม ไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินสิ้นเปลืองของผู้มีอำนาจหน้าที่ในจีน โดยมีคำสั่งคุมเข้มออกมาอีกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ห้ามหน่วยงานภาครัฐ วิสาหกิจและสถาบันการเงินทั้งหลาย ใช้งบส่วนกลางเพื่อซื้อ พิมพ์ แจก หรือส่งส.ค.ส. ไปรษณียบัตร ปฏิทิน หรือสิ่งของอื่นๆ อย่างเด็ดขาด โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วย และรู้สึกว่าการมอบปฏิทินให้กันนับเป็นความฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรกระดาษ
สืบเนื่องจากนโยบายดังกล่าวยังส่งผลต่อธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยด้วย โดยเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทวิจัย Bain & Company ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศรายงานเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในจีน ประจำปี 2013 ว่ามีการเติบโตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 13 ปี อยู่ที่เพียงร้อยละ 2 เท่านั้น จากเดิมในปีก่อนที่โตถึงร้อยละ 7
โดยระบุว่า นอกจากปัจจัยด้านสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวแล้ว การที่รัฐบาลจีนมุ่งมั่นที่จะปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น และต่อต้านการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย รวมถึงผู้บริโภคชาวจีนมีแนวโน้มออกไปจับจ่ายในต่างประเทศมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงที่ทำให้อัตราการเติบโตของธุรกิจในตลาดจีนชะลอตัวลง
ตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสสามของกุชชี่ มีการลดลงร้อยละ 5.4 ในส่วนของคู่แข่งสำคัญอย่างกลุ่มบริษัท LVMH ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจเช่นกัน เพราะผลประกอบการไตรมาสสาม ถึงวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา รายได้จากผลิตภัณฑ์แฟชั่นและเครื่องหนัง ลดลงร้อยละ 1 คิดเป็นมูลค่า 7,139 ล้านยูโร ส่วนนาฬิกาและอัญมณีรายได้ลดลงร้อยละ 2.3 คิดเป็นมูลค่า 1,987 ล้านยูโร แม้ว่าในส่วนของน้ำหอมและเครื่องสำอางค์จะมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้โดยรวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ จากข้อมูลสำรวจล่าสุดของสถาบันสังคมศาสตร์จีน ในรายงานสมุดปกน้ำเงินเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของประเทศ มีเนื้อหาระบุว่า ภายใต้การเอาจริงเอาจังของผู้นำจีนชุดใหม่ ผู้เข้าร่วมทำสำรวจร้อยละ 78.7 เห็นว่าการปราบปรามของพรรคและรัฐบาลปรากฏผลงานอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มขึ้นจากปี 2012 ร้อยละ 14.6 และร้อยละ 88.5 ยอมรับในความพยายามปราบปรามการทุจริตของพรรคและประเทศ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 11.55 นอกจากนี้ร้อยละ 73.7 มีความเชื่อมั่นว่านับจากนี้ไป 5-10 ปีการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นของประเทศจะปรากฏผลงานอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13.7
สมุดปกน้ำเงินยังระบุว่า อินเตอร์เน็ตนับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่พรรคและรัฐบาลจีน ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมปราบปรามการทุจริตของประชาชน ที่สามารถรายงานแจ้งเบาะแสหรือร่วมกันสอดส่องดูแล ซึ่งในช่วงระยะเวลาเพียง 20 วันหลังจากเปิดเว็บไซต์คณะกรรมการกลางฝ่ายตรวจสอบวินัยเมื่อวันที่ 2 กันยายน ก็ได้รับรายงานแจ้งเข้ามาถึง 15,252 เรื่อง เฉลี่ยแล้ววัน 760 เรื่อง ซึ่งจากการประกาศข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ว่า ถึงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามีการตรวจสอบพบปัญหาการละเมิด "ข้อกำหนด 8 ประการ" ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ในทั่วประเทศเป็นจำนวนกว่า 21,149 เรื่อง มีผู้ที่เกี่ยวข้อง 25,855 คน ถูกลงโทษตามวินัยพรรคและรัฐบาล 6,247 คน และชี้ว่าการเปิดโปงผ่านอินเตอร์เน็ตได้ช่วยยกระดับการตรวจสอบให้คืบหน้า โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หลอกลวงคดโกง ซึ่งในส่วนของการแฉภาพลับหรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมทำให้ต้องหลุดจากตำแหน่งก็มีสดส่วนสูงถึงร้อยละ 48.7
แม้การทุจริตคอรัปชั่นในหมู่ข้าราชการจีนจะยังไม่หมดไป แต่ก็เห็นได้ว่าความเชื่อมั่นในการจัดการของจีนนั้นมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เพราะได้รับการสนับสนุนและร่วมกันปกป้องจากประชาชน ซึ่งการที่รัฐมุ่งผลักดันให้เกิดการต่อต้านการทุจริตอย่างแข็งขันนั้น ย่อมทำให้ความรู้สึกต่อการปกครองของพรรคและรัฐบาลปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้น และที่สำคัญจะนำมาซึ่งดัชนีความสุขของประชาชนจีนที่ยกระดับขึ้น
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府
