การฉลองรับวันปีใหม่จีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 31 มกราคมได้ผ่านพ้นไปแล้ว ท้องฟ้าต้นสัปดาห์แรกหลังตรุษจีนของปักกิ่งล้วนอยู่ในสภาพฟ้าใส อากาศปลอดโปร่ง และมีแดดออกดี แต่อุณหภูมิของวันกลับอยู่ระหว่าง 1 ถึงลบ 8 องศาเซลเซียส เรียกว่ากลับมาหนาวหนักกว่าช่วงก่อนตรุษจีน และลมเย็นพัดแรงกว่าวันปีใหม่สากล 1 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับอิทธิพลของมวลอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุม ซึ่งเมื่อค่ำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สถานีอุตุนิยมวิทยาส่วนกลางของจีนก็ได้ออกมาประกาศเตือนภัยหนาวในพื้นที่ทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

นอกจากธรรมเนียมฉลองรับปีใหม่จีนแต่เก่าก่อน ที่ต้องร่วมทานอาหารส่งท้ายปีพร้อมหน้ากัน ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การจุดพลุประทัด แต่วันส่งท้ายปีนี้ซึ่งตรงกับวันที่ 30 มกราคม ยอดขายพลุประทัดของปักกิ่งมีจำนวนลดลงจากปีก่อนกว่าครึ่ง และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศพีเอ็ม 2.5 ก็ไม่มีสภาพปรอทแตกแต่อย่างใด โดยในช่วงกลางวันของคืนวันส่งท้ายปี การจุดพลุประทัดในเขตเมืองของปักกิ่งมีเพียงประปราย มาคึกคักช่วงห้าทุ่มและยาวไปจนถึงประมาณ 0.20 น. ของวันที่ 31 มกราคม จึงกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ทั้งนี้ ปริมาณการจุดประทัดส่งท้ายปีเก่าลดลงติดต่อกันมาสามปีแล้ว โดยยอดขายพลุประทัดถึง 1 นาฬิกาของวันตรุษจีน ในปี 2012 เท่ากับ 410,000 กล่อง ในปี 2013 เท่ากับ 260,000 กล่อง และในปี2014 นี้เท่ากับ 126,000 กล่อง ลดจากปีก่อนที่ 260,000 กล่อง คิดเป็นร้อยละ 52 สำนักงานควบคุมดูแลกิจการพลุประทัดกรุงปักกิ่ง ระบุว่า การจุดประทัดทั่วกรุงปักกิ่งในคืนวันส่งท้ายปีช่วงพีคสุดก็หดสั้นลงติดต่อกันสามปีด้วย โดยค่าพีเอ็ม 2.5 ตั้งแต่ช่วง 18.00 ของวันที่ 30 มกราคมถึง 0 นาฬิกาของวันที่ 31 มกราคม ค่าเฉลี่ยของทั้งเมืองอยู่ที่ 140-160 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ยแล้วสูงถึง 410 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สาเหตุสำคัญเนื่องจากชาวเมืองตระหนึกถึงเรื่องมลภาวะทางอากาศมากขึ้น หลายคนว่าถ้าต้องเลือกระหว่างการสืบสานธรรมเนียมปฏิบัติแต่เก่าก่อนกับท้องฟ้าสีคราม ก็ต้องเป็นอย่างหลัง ต้องรักษาอากาศหายใจที่บริสุทธิ์สดชื่นเอาไว้ นอกจากนี้ยังเพราะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปี กดความรู้สึกที่จะหยิบเงินทองมาใช้จ่ายไปในด้านนี้ ประกอบกับยุคสมัยที่ผันเปลี่ยนคนรุ่นใหม่ใช้เวลาหมดไปกับความบันเทิงในรูปแบบอื่นมากกว่าจะมาจากการจุดประทัด

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府