วิทยายุทธหรือกังฟูเป็นส่วนประกอบสำคัญของวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ของจีนที่สืบทอดจากสมัยโบราณของจีน
"วิทยายุทธ" หรือชาวไทยรู้จักกันในนามว่า "กังฟู" เกิดขึ้นในกระบวนการวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของประชาชาติจีน กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างและค่อยๆพัฒนาเป็นกีฬาสมบูรณ์ที่คนปัจจุบันรู้จักและคุ้นเคยนั้น ได้ใช้เวลาหลายพันปีครับ ในสมัยสังคมดึกดำบรรพ์ สัตว์ป่ามีมากกว่ามนุษย์ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเลวร้ายมาก การต่อสู้เพื่อดำรงชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำเค็ญ มนุษย์สมัยนั้นค่อยๆฝึกฝีมือมือตีเท้าเตะ การพลิกตัวกระโดด ซึ่งเป็นวิธีการโจมตีและป้องกันตัวขั้นต้น ต่อมาค่อยๆรู้จักใช้เครื่องมือที่ทำด้วยหินและไม้เป็นอาวุธในการล่าสัตว์ และพัฒนาทักษะการสู้รบด้วยมือเปล่าหรืออาวุธ ทั้งหมดนี้ก็เป็นจุดกำเนิดของวิทยายุทธอันยิ่งใหญ่ของจีน
ในสมัยราชวงศ์ซังและโจว เมื่อเทคโนโลยีการถลุงสัมฤทธิ์ได้พัฒนาก้าวหน้าไป อาวุธต่างๆเช่น หอก ขวาน มีดและดาบทยอยกันปรากฏตัวขึ้น พร้อมกันนั้น คนโบราณก็เริ่มฝึกวิธีการใช้อาวุธดังกล่าว โดยกำหนดฝีมือการผ่า รัน แทง ฟันและท่าโจมตีอื่นๆ ในสมัยนั้นก็มีการแข่งขันวิทยายุทธ "สื่อจี้" หนังสือประวัติศาสตร์เล่มยิ่งใหญ่ของจีนบันทึกไว้ว่า กษัตริย์เจี๋ยของราชวงศ์เซี่ย กษัตริย์โจ้วของราชวงศ์ซัง ซึ่งเป็นทรราชที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน 2 พระองค์ ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคนิคการต่อสู้ สมัยชุนชิวจั้นกั๋วเป็นยุคสมัยที่เปี่ยมไปด้วยศึกสงครามต่างๆ 7 ก๊กที่มีกำลังเข้มแข็งเกรียงไกรต่างฝ่ายต่างสู้รบเข่นฆากันเพื่อผนวกที่ดินของก๊กอื่นและช่วงชิงความเป็นใหญ่ ทักษะตีรันฟันแทงของวิทยายุทธจึงได้รับการความสนใจและพัฒนาอย่างรวดเร็วในหมู่นายทหารและประชาชน ความนิยมการถลุงเหล็ก ทำให้อาวุธเหล็กมีรูปหลากหลายและคุณภาพดียิ่งขึ้น ทหารมาซึ่งเป็นทหารใหม่จึงมีความสามารถในการสู้รบสูงยิ่งขึ้น ก๊กต่างๆก็จัดการแข่งขันวิทยายุทธบ่อยๆ คนร่วมแข่งให้ความสำคัญต่อทักษะการโจมตีและป้องกัน วิธีการสู้ก็มีท่าโจมตี ท่าป้องกัน ท่าตั้งแล้วตีกลับและท่าแกล้งทำเป็นโจมตีฯลฯ
สมัยราชวงศ์ฮั่นเป็นสมัยที่วิทยายุทธพัฒนาอย่างมากยุคหนึ่ง เมื่อจัดงานเลี้ยงในพระราชวัง มักจะมีการแสดงฟันดาบ รันมีด เล่นหอก ทั้งเดี่ยวและคู่ จนวิทยายุทธค่อยๆพัฒนาเป็นกีฬาใหม่ชุดหนึ่ง ชนชั้นปกครองที่นำโดยจักรพรรดิให้ความสำคัญต่อวิชามวยและการแข่งขันวิชามวย ราชสำนักฮั่นยังกำหนดให้การสอบวิชามวยเป็นการคัดเลือกขุนศึกระดับต่างๆ นอกจากมีวิชามวยใช้ประโยชน์ในการป้องกันตัวฆ่าศัตรูและเอาชนะในการต่อสู้แล้ว ยังมีมวยบางท่าพัฒนาจากการเลียนแบบกิริยาของสัตว์ อย่างเช่น"มวยท่าลิง" "มวยท่าตั๊กแตนตำข้าว"และ"ท่าสัตว์ปีก 5 ชนิด" สู้ได้เล่นได้ เป็นวิธีการออกกำลังกายที่งดงามน่าดูของมนุษย์ ขณะนี้ หนังสือด้านวิทยายุทธก็มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยจะบรรยาย"วิธีการโจมตีและป้องกัน"โดยเฉพาะ
ในสมัยราชวงศ์สุยกับราชวงศ์ถัง เศรษฐกิจของสังคมศักดินาที่เจริญรุ่งเรืองส่งเสริมให้วิทยายุทธของจีนพัฒนารุดหน้าไปอีกระดับหนึ่ง ข้อนี้สรุปได้จากการที่ราชสำนักถังกำหนด"ระบอบอู่จวี่"ขึ้น เป็นการจัดสอบวิทยายุทธเพื่อดำรงตำแหน่ง"จวี่เหริน" ข้าราชการฝ่ายปุ๋นระดับสูง นับได้ว่า เป็นนโยบายที่ส่งเสริมกระแสฝึกวิทยายุทธในราชสำนักและหมู่ประชาชน วัดเส้าหลินที่เริ่มเผยชื่อในด้านกังฟูหรือวิทยายุทธเมื่อปลายราชวงศ์สุย เคยสร้างคุณความดีอันใหญ่หลวงเพราะช่วยหลีสื้อหมิน เจ้าชายทรงพระปรีชาสามารถกวาดล้างอิทธิพลแบ่งแยกอำนาจ หลังจากหลีสื้อหมินประกาศตนเป็นจักรพรรดิแล้ว ก็โปรดให้วัดเส้าหลินจัดค่ายทหาร ก่อตั้งกองทัพพระเส้าหลินที่เป็นอิสระชนชั้นเจ้านาย วัดเส้าหลินจึงได้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งขึ้นแต่นั้นมา กองทัพพระเส้าหลินเคยมีกำลังกว่า 2000 คน ซึ่งแต่ละคนมีฝีมือกังฟูสุดยอด แม้พระเส้าหลินสู้กับ 10 คนพร้อมกัน ก็จะชัยชนะได้ การฝึกกังฟูหรือวิทยายุทธจึงกลายเป็นกระแสทางสังคมที่ได้รับความนิยมมาก สิ่งที่น่าสนใจคือ ทหารนิยมใช้มีดแทนดาบ ส่วนปัญญาชนชอบแขวนดาบสวยงามตรงเอว ดาบตรงเอวเป็นสัญลักษณ์แห่งชื่อเสียง คุณธรรมและฐานะสังคมของสุภาพบุรุษในสมัยโบราณ