พิพิธภัฑณ์ที่ไม่ค่อยดังและซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กซอยน้อยในกรุงปักกิ่ง (2)
  2014-08-05 16:53:05  cri

ที่หน้าประตูวัด ผู้พบเห็นอาจรู้สึกแปลกใจ ทำไมวัดนี้จึงสร้างอยู่ต่ำกว่าพื้นดินโดยรอบ ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อแนะนำว่า จริงๆแล้ว ตอนเริ่มสร้างวัดแห่งนี้ก็สร้างบนพื้นเหมือนวัดโดยทั่วไปในสมัยนั้น แต่เวลาผ่านไปหลายร้อยปี ในกรุงปักกิ่งมีการถมดินยกพื้นหลายครั้ง จนทำให้สิ่งก่อสร้างโดยรอบล้วนสูงกว่าวัดนี้แล้ว

ประตูซันเหมินเป็นประตูที่สร้างด้วยอิฐ อยู่ทางใต้สุดของวัด หลังคาปูด้วยกระเบื่องเคลือบสีดำ หน้าประตูทั้งสองข้างซ้ายขวายังมีสิงโตที่แกะสลักจากหินคู่หนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปทางประตูหน้าของวัด จะเห็นหอระฆงและหอกลองยืนอยู่สองข้างทาง ด้านเหนือของหอระฆังเป็นตำหนักจื้อฮว่า(智华殿) เป็นตำหนักหลักของวัด อดีตเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และพระอรหันต์ที่แกสลักจากหยกและไม้หลายสิบองค์ แต่เมื่อทศวรรษปี 1930 พระพุทธรูปส่วนใหญ่ถูกขโมยไปขายต่างประเทศ

แม้ว่า วัดแห่งนี้จะเป็นวัดได้รับพระราชทานชื่อจากฮ่องเต้ก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับวันยงเหอ-วัดลามะ หรือวัดหอระฆังในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นวัดที่รู้จักกันดีนั้น ถ้าไปวัดนี้จะรู้สึกว่าค่อนข้างเงียบ กลุ่มสิ่งปลูกสร้างที่ทำด้วยไม้ในวัดยังคงอนุรักษ์เอาไว้ได้ดีสะท้อนสถาปัตยกรรมสมัยราชวงค์หมิง ถ้าเดินตามระเบียงและบันไดที่แคบๆ จะสามารถสัมผัสได้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยโบราณด้วย

ในวัดนี้ นักท่องเที่ยวยังมีโอกาสสัมผัสดนตรีโบราณด้วย จริงๆแล้ว เพลงที่บรรเลงในวัดแห่งนี้เป็นเพลงที่สืบทอดกันมาจากภายในพระราชวังสมัยราชวงค์หมิง อดีตมีแต่ฮ่องเต้เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ฟังเพลงแบบนี้ แต่ทำไมได้รับการเผยแพร่สู่ชาวบ้านและสามารถบรรเลงได้ที่วัดจื้อฮว่า นี่น่าจะเกี่ยวพันกับขันทีหวังเจื้อนผู้สร้างวัดแน่นอน เพลงของวัดจื้อฮว่า กับเพลงประจำประจำหอกลองหอระฆังของวัดเฉืองหวัง(城隍庙)เมืองซีอัน เพลงของวัดต้าเซี่ยงกัง(大相国寺)ในเมืองคัยเฟิง เพลงของวัดชิงหวัง(青黄庙)ของอู่ถายไซน เพลงหนันอิน(南音)ในมณฑลฝูเกี้ยน รวมแล้วได้ชื่อว่า เพลงเก่า 5 อย่างในจีน จริงๆแล้ว พวกสามเณรที่ยังไม่ถึง 13 ขวบก็เริ่มฝึกfนตรีแล้ว ธรรมดาต้องเรียนต่อเนื่องกันประมาณ 7 ปี แล้วถึงจะสามารถบรรเลงได้ ระหว่างเรียน ทุกๆวัน พวกเขาต้องฝึกฟังเสียงสูงเสียงต่ำ ออกเสียง แล้วฝึกวิธีตบเคาะจังหวะตีกลอง และเป่าขลุ่ย ด้วยการฝึกฝนอย่างเข้มงวดและการบรรเลงอย่างต่อเนื่องทุกวัน พระในวัดนี้ได้สืบทอดเพลงสมัยราชวงค์หมิงไว้อย่างสมบูรณ์ ช่วง 500 กว่าปีมานี้ ผู้สืบทอดถึงปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 27 เพลงในวัดจื้อฮุ่ยปัจจุบันได้รวบรวมเพลงราชสำนัก เพลงพุทธศาสตร์และเพลงของชาวบ้านเข้าด้วยกัน เพลงเหล่านี้ได้รับการประกาศให้เป็นมรตกวัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุระดับชาติเมื่อปี 2006 ถึงปัจจุบัน ที่วัดนี้ยังจัดการแสดงดนตรีถึงวันละ 4 รอบ ช่วงเช้ามีสามรอบ และช่วงบ่ายมี 1 รอบ เนื่องจากเพลงในวันจื้อฮว่าได้สืบทอดกันมากว่า 500 ปีแล้ว ดังนั้น จึงมีผู้กล่าวไว้ว่า เป็นฟอสซิลด้านเพลงที่ยังมีชีวิตอยู่ ในวัดแห่งนี้ ได้เก็บโน๊ตเพลงสมัยราชวงค์ชิงไว้ 3 เล่ม ซึ่งต่างจากโน๊ตเพลงปัจจุบัน เขียนด้วยโน๊ตซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับตัวอัคษรจีน และซับซ้อนมาก เพราะตัวอักษรแต่ละตัวได้บันทึกเสียง และวิธีการบรรเลงไว้ด้วย

เครื่องดนตรีในวัดก็ไม่เหมือนเครื่องดนตรีที่เราเห็นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ทำขึ้นเอง อย่างเช่น ขลุ่ยในวัดนี้ก็มีเสียงสูงกว่าขลุ่ยธรรมดา เพราะได้สืบทอดวิธีการทำของสมัยราชวงค์ซ่ง ฆ้องที่ใช้ในวัดเรียกว่าหยูนหลัว เป็นฆ้องจากสมัยราชวงค์หมิง เป็นของโบราณวัตถุแท้ๆนะครับ

Yim/LJ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040