ในรายการซีซั่นสอง ก็มีพ่อที่เป็นแชมป์เหรียญทองโอลิมปิก เป็นฮีโร่ขวัญใจของชาวจีนทั่วประเทศเหมือนกับ "เถียนเลี่ยง" ในซีซั่นแรก สำหรับซีซั่นสองนี้ก็คือ "หยางเวย" หยางเวยเกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 1980 เป็นอดีตนักกีฬายิมนาสติก ซึ่งติดทีมชาติเมื่ออายุ 16 ปี และได้รับแชมป์ในงานกีฬาโอลิมปิกซิดนีย์เมื่อปี 2000 เมื่อปี 2006 และปี 2007 หยางเวยได้รับแชมป์ยิมนาสติกทุกด้านในงานกีฬาแชมป์เปียนชิพโลกต่อเนื่องกันสองปี ซึ่งเป็นนักกีฬาคนแรกที่สามารถได้เหรียญทองรายการนี้ต่อเนื่องกันสองครั้งในรอบ 81 ปีที่ผ่านมา เมื่อปี 2008 ในงานกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง หยางเวย ในฐานะหัวหน้าทีมชาติ เขาและเพื่อนๆ ได้รับเหรียญทองประเภททีมชายร่วมกันด้วย และในประเภทบุคคลตัวเขาเองก็ได้แชมป์ยิมนาสติกทุกด้านด้วย เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2009 หยางเวยเกษียณอายุจากทีมชาติ และลาจากชีวิตการเป็นนักกีฬาอาชีพ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนปี 2009
ลูกชายหยางเหวินชาง หรือชื่อเล่นว่า "หยางหยางหยาง" ได้ถือกำเนิดขึ้น ระหว่างการเป็นนักกีฬา หยางเวยได้รับรางวัลและแชมป์จำนวนมาก แต่แชมป์โลกคนนี้ไม่ค่อยเหมือนกับพ่อเถียนเลี่ยงในรายการซีซั่นแรก ที่กระตือรือร้นในทุกด้าน แต่หยางเวยกลับเป็นคนที่มีนิสัยง่ายๆ ทำอะไรไม่เร่งร้อน และก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องชนะในทุกเรื่อง ซึ่งไม่เหมือนนิสัยนักกีฬา ดังนั้น แทบไม่เคยชนะในการแข่งขันกับพ่อคนอื่นๆ เลย แต่เขาไม่เคยสนใจผลเหล่านั้น ในใจของเขาเห็นว่าขั้นตอนระหว่างนั้นสำคัญกว่าผลที่ปรากฏ ขอให้พยายามแล้วก็พอ จะชนะหรือแพ้ก็ไม่เป็นไร อีกทั้งยังสั่งสอนให้ลูกมีความคิดอย่างนี้ด้วย ทีแรก หยางหยางหยางยังโกรธไม่พอใจเวลาแพ้ในการแข่งขัน แต่หลังจากพ่อปลอบใจและสั่งสอนมาหลายครั้ง เขาก็ไม่ค่อยสนใจผลแล้ว
พ่อหนูหยางหยางหยางตอนอายุ 4 ขวบ เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อเข้าบันทึกรายการบันเทิงชื่อดังของจีน"แฮปปี้แคมป์ (快乐大本营)" โดยแนะนำตัวเองว่า ปีนี้ผมชื่อหยางเหวินชาง เกิดปีหมาป่า คุณพ่อแซ่หยาง คุณแม่แซ่หยาง ผมก็แซ่หยาง จึงมีชื่อเล่นว่าหยางหยางหยาง หน้าตาที่น่ารักและความตั้งใจเวลาตอบคำถามทำให้ผู้ชมรู้สึกตลกและชอบมาก จึงเป็นที่ชื่นชอบทางอินเตอร์เน็ต วันที่สองหลังรายการครั้งนั้นออกอากาศ ก็มีคนตั้งกระทู้ในเน็ตทันทีว่า "ปีนี้ผมชื่อหยางเหวินชาง" บนเวยโป๋ของจีน
หยางหยางหยางเป็นเด็กเงียบๆ ขี้อาย และไม่ค่อยกล้าเล่นกับเด็กที่ไม่รู้จัก เวลาเพื่อนๆ เล่นตะโกน ส่งเสียงดังๆ อยู่ เขาจะเฉยไม่เข้าร่วม ยืนชมวิวหรือนั่งเฉยๆ อยู่คนเดียวมากกว่า ผู้ชมจึงเรียกว่าเป็นเด็กชาย "ความกดอากาศต่ำ" หมายถึงบรรยากาศใกล้เขาเงียบกว่าบรรยากาศที่อื่น แต่หยางหยางหยางก็มีนิสัยเข้มแข็ง พูดจาเหมือนผู้ใหญ่
ทุกครั้งที่ไปซื้อของหยางหยางหยางก็จะทำได้ดีมาก เขาจำสิ่งที่พ่อสั่งให้ซื้อได้แม่น และยังรู้จักต่อราคา ต้องถือกระเป๋าหนักกลับบ้านก็ไม่มีบ่น อีกทั้งยังกล่าวให้กำลังใจกับตนเอง เมื่อต้องพักอยู่ที่บ้านทรุดโทรมเหมือนสุ่ยหยุนเจียน เขาก็ไม่เคยบ่นและไม่ร้องไห้ พยายามไม่ให้พ่อลำบาก เป็นเด็กที่ดีมาก ครั้งหนึ่งที่ทีมงานให้พวกเด็กๆ ต้องไปดูแลเด็กทารกที่เล็กกว่าตนอีก เกรสร้องไห้ไม่หยุดเพราะคิดถึงพ่อ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หยางหยางหยางจึงขอทิชชู่จากทีมงาน เอามาเช็ดน้ำตาให้เกรสที่เด็กกว่า
เมื่อเกรสไม่อยากทำหน้าที่จะขอไปหาพ่อ หยางหยางหยางก็กล่าวว่าไม่เป็นไร และยอมทำหน้าที่เองคนเดียวต่อไป โดยเขาซักเสื้อผ้า ชงนม ป้อนนมให้ทารก และเข็นรถพาออกไปเดินเล่นอย่างตั้งใจ พร้อมยังร้องเพลงให้ทารกฟังด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่า โกรธไหมที่เกรสไม่ทำหน้าที่ก็จากไป หยางหยางหยางบอกว่า ผมไม่โกรธจริงๆ เพราะเธอกล่าวขอโทษแล้ว เธอร้องไห้ก็เป็นพี่น้อย แต่ถ้าไม่ร้องก็จะเป็นพี่ใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงถามต่อว่า ทำไมหยางหยางหยางทำหน้าที่เองได้ เขาจึงตอบว่า เพราะผมเป็นพี่ใหญ่ทำได้ไม่ต้องพึ่งพ่อ
เมื่อไปถึงนิวซีแลนด์ ผู้ดำเนินรายการให้เงินเด็กๆ คนละ 50 ดอลลาร์ เพื่อไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เกต ถึงตอนจ่ายเงินสิ่งที่เขาเลือกมาราคาเกิน 50 ดอลลาร์ แต่หยางหยางหยางพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น พนักงานเก็บเงินพูดอะไรมาเขาก็ไม่เข้าใจ จึงพบปัญหา แต่เขาไม่ได้ร้องไห้หรือยืนแบบไม่รู้ทำอย่างไร เขากลับไปหาคนที่พูดภาษาจีนได้ และขอให้มาช่วยคุยกับพนักงาน จึงประสบความสำเร็จในหน้าที่ซื้อของกลับมาให้พ่อทำกับข้าว ทำให้ผู้ชมต่างชื่นชมว่าเป็นเด็กฉลาดมาก
นอกจากนี้ หยางหยางหยางยังได้ความสามารถมาจากพ่อ ทำท่ายิมนาสติกได้เก่งมากด้วย หยางหยางหยางมักกล่าวว่า อยากเป็นแชมป์โลกเหมือนกับพ่อ เมื่อมีคนถามหยางเวยว่า จะให้ลูกเข้าทีมชาติเหมือนกันไหม หยางเวยจึงตอบด้วยความภูมิใจว่า ลูกชอบยิมนาสติกมาก และทำได้ไม่เลว จึงหวังว่าเขาจะซ้อมและเล่นต่อไป แต่การเป็นนักกีฬาเหนื่อยมาก จึงไม่ค่อยอยากให้ลูกทำ แต่อนาคตของลูกต้องให้เขาเลือกเอง