สมรรถนะสำคัญที่สุดของภูมิคุ้มกันในร่างกายคือ กำจัดขยะทุกประเภทในร่างกาย เม็ดเลือดแดงของมนุษย์มีอายุเพียง 120 วัน ตายแล้วก็จะกลายเป็นขยะในเส้นเลือด ต้องการภูมิคุ้มกันกำจัดขยะเหล่านี้ สมรรถนะสำคัญอับดับที่ 2 ของภูมิคุ้มกันในร่างกายคือ ป้องกันและต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ ย้อนกลับไปที่ตัวอย่างกองขยะข้างบน แมลงวันที่เกิดในขยะต้องอาศัยกองขยะเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ ถ้าไม่มีขยะก็ไม่สามารถวางไข่ได้ เช่นเดียวกันกับเชื้อไวรัส แบคทีเรียที่บุกเข้าร่างกายมนุษย์ เมื่อพบภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งก็ไม่สามารถผสมพันธุ์จนทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างทำงานในองค์กรวิจัยด้านแพทยศาสตร์ขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา ดร.เฉิน เจาเฟยกับนักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศเข้าร่วมการประชุมสัมมนาหลายครั้ง โดยมีความเห็นร่วมกันว่า โรคภัยไข้เจ็บของมนุษยชาติที่พบแล้วในปัจจุบันมี 99% มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ส่วนที่เหลือ 1% เป็นโรคประเภททางพันธุกรรมที่ไม่เกี่ยวโยงกับภูมิคุ้มกัน ในอดีตที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่การแพทย์ทั่วโลกไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงพอกับภูมิคุ้มกันวิทยา โดยเห็นว่า ยาที่เป็นเคมีภัณฑ์มีบทบาทสำคัญในการรักษาโรค ขณะนี้ก็ยังมีคนถามอยู่ว่า ในเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีความเข้มแข็งในการกำจัดโรค ทำไมยังต้องใช้ยารักษาล่ะ
ศักยภาพการรักษาโรคของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์แข็งแรงมากก็จริง แต่ผลข้างเคียงจากยาเคมีจะทำให้สมรรถนะของภูมิคุ้มกันลดต่ำลง ดร.เฉิน เจาเฟยเคยทำการวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งเป็นเวลา 10 ปี เธอและเพื่อนๆ ที่ทำการวิจัยด้วยกัน รู้จักผู้ป่วยมะเร็งจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่คุณหมอในโรงพยาบาลให้คำสรุปว่า คงอยู่ต่อได้ไม่เกินสองสามสัปดาห์ พอหลายปีผ่านไปแล้ว ผู้ป่วยเหล่านี้ยังสามารถกลับไปหา เพื่อให้ดร.เฉินตรวจสุขภาพได้ สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ เจ้าหน้าที่การแพทย์ที่ตรวจพบเซลล์มะเร็งในร่างกายของผู้ป่วยเหล่านี้กลับไม่พบอีกแล้ว