หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า ระหว่างวันที่ 29-31มกราคมนี้ นายวอลแตร์ แกซมิน รัฐมนตรีกระทรวงป้องกันประเทศฟิลิปปินส์ได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น ทั้งนี้สองประเทศยังจะลงนามในบันทึกช่วยจำ (MOU)เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศระหว่างญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์ด้วย ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ ฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ ได้ดำเนินการหารือทางยุทธศาสตร์เป็นครั้งที่ 5 ว่าด้วยการกระชับความร่ววมือในการป้องกันประเทศ ฟิลิปปินส์ให้เหตุผลต่อการนี้ว่า เพื่อกระชับความร่วมมือในด้านการป้องกันประเทศระหว่างกัน หากแต่จริงๆ แล้วก็เพื่อจับกลุ่มกับผู้อื่นมายับยั้งจีน

สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นต่างไม่ไช่ประเทศคู่กรณีข้อพิพาททางทะเลจีนใต้ แต่กลับชี้ไม้ชี้มือต่อปัญหาเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงท่าทีอย่างเปิดเผยว่า จะสนับสนุนฟิลลิปินส์นำข้อพิพาททางทะเลจีนใต้ให้ศาลระหว่างประเทศพิจารณา อีกทั้งยังไม่คำนึงถึงการคัดค้านจากจีน โดยอ้างว่า ต้องปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎเกณฑ์สากล เรียกร้องจีนเสนอหลักฐานยืนยันการมีอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้ต่อศาลเพื่อพิจารณา กดดันให้จีนเข้าร่วมการพิพากษา

เมื่อเร็วๆ นี้ นายRussell ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เดินทางไปฟิลิปินส์เพื่อดำเนินการหารือทางยุทธศาสตร์กับรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศฟิลิปปินส์ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์กิจกรรมเป็นปกติภายในขอบเขตอธิปไตยของทะเลจีนใต้ในขณะพบปะผู้สื่อข่าวว่าจะยิ่งก่อให้เกิดความตึงเครียด และระบุว่า ทั้งนี้เป็นปัญหาที่สหรัฐฯกับฟิลิปปินส์ต่างก็ต้องรับมือกัน กลุ่มประเทศอาเซียนก็ไม่ควรนิ่งเฉยดูดาย นายRussell ยังระบุอีกว่า ประเทศใหญ่ไม่ควรรังแกประเทศเล็ก โดยโยนความผิดที่สถานการณ์ไม่มั่นคงในภูมิภาคให้กับจีน ส่วนญี่ปุ่นก็มีคำกล่าวเกี่ยวกับปัญหาทะเลจีนใต้ รัฐมนตรีต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนต่างสนับสนุนผลการตัดสินของฟิลลิปปินส์ในหลายโอกาส ทั้งนี้แสดงว่า สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นไม่ได้ยืนกลางในข้อพิพาท

ขณะนี้ สันติภาพกับการพัฒนาเป็นประเด็นสำคัญแห่งยุคสมัย ความมั่นคงของประเทศต่างๆ ต่างเกี่ยวโยงกัน การให้ปัญหาทะเลจีนใต้มีความสลับซับซ้อนย่อมที่จะทำลายสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค นอกจากนั้น การพัฒนาของจีนเป็นโอกาส หากไม่ใช่การท้าทาย การปิดทางของจีนเท่ากับปิดทางของตนเอง

Dai