สองข้างทางของถนนสายนี้ มีร้านค้ากว่า 100 แห่ง ร้านค้าเหล่านี้ มีจำนวนมากเป็นร้านค้าเก่าที่มีประวัติมากว่าร้อยปี ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ร้าน "ชิงมี่เก๋อ" และ"หรงเป่าจาย" ตลาดตะวันออกจำหน่ายเครื่องหยก เครื่องกังใส เครื่องเพชรพลอย และเครื่องไม้ เป็นสำคัญ ส่วนตลาดตะวันตกนั้นขายภาพเขียน ศิลปะการเขียนหนังสือด้วยพู่กันและของลายครามเป็นส่วนใหญ่
หากเดินตามถนนสายนี้ไปเรื่อยๆ ท่านจะมีโอกาสได้เห็นของเก่าที่ทางเจ้าของร้านนำมาวางในตู้โชว์หน้าร้าน ของเก่าเกือบทุกยุคทุกสมัยของจีนสามารถหาได้จากที่นี่ นอกจากโบราณวัตถุล้ำค่าแล้ว ของจำลองด้วยฝีมือประณีตก็มีด้วย แน่นอน เจ้าของร้านจะติดป้ายบอกราคาให้รู้ว่า ชิ้นไหนเป็นของโบราณแท้ ชิ้นไหนเป็นของเทียม ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้โดยไม่ต้องกลัวถูกหลอก
"ชิงมี่เก๋อ" เป็นร้านค้าที่มีประวัติอันยาวนานบนถนนหลิวหลีฉ่าง เล่ากันว่า จักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ขณะที่เข้าไปประทับอยู่ในพระราชวังนั้นยังทรงพระเยาว์มาก แต่ทรงเจริญเติบโตขึ้นมาจากน้ำนมของแม่นมแซ่โจว เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ยังทรงรำลึกถึงแม่นมคนนี้เสมอ วันหนึ่ง ทรงรับสั่งให้นำแม่นมคนนี้เข้าไปในวัง แล้วทรงถามว่า มีความลำบากหรือต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง แม่นมโจวทูลว่า ลูกชายของตนไม่ชอบเรียนหนังสือ ตนจึงอยากค้าขายเพื่อหารายได้มายังชีพ จักรพรรดิเฉียนหลงทรงโปรดให้เธอและลูกชายไปเปิดร้านขายกระดาษและพู่กันที่ถนน "หลิวหลีฉ่าง" ทั้งยังได้ พระราชทานชื่อร้านให้ว่า "ชิงมี่เก๋อ" นอกจากนั้นยังได้มีพระบรมราช โองการให้ร้าน "ชิงมี่เก๋อ" เป็นผู้ทำเอกสารหนังสือที่ใช้ในราชสำนักศาลาว่าการต่างๆ ด้วย เมื่อมียี่ห้อที่จักรพรรดพระราชทานให้แล้ว ร้าน "ชิงมี่เก๋อ" จึงมีข้อได้เปรียบมากกว่าร้านอื่นๆ
ในสมัยนั้น การค้าขายของร้าน "ชิงมี่เก๋อ" คึกคักมากเป็นพิเศษ จึงต้องปักหลักสำหรับผูกม้าที่หน้าร้าน ข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่นั่งเกี้ยว พอมาถึงที่นี่ก็ต้องลงจากเกี้ยว ส่วนข้าราชการที่ขี่ม้าก็ต้องลงม้า ถอดเสื้อผ้าชุดข้าราชการออกใส่เสื้อธรรมดาแทน ดื่มน้ำชาเดินดูสินค้าในร้านนี้แล้ว จึงออกไปเดินบนถนน "หลิวหลีฉ่าง" ต่อไป