ด้านนายเฉินจี๋หนิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมคนใหม่ของจีน ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ประมาณหนึ่งเดือนตอบคำถามนักข่าวทั้งจีนและต่างประเทศในงานแถลงข่าวการประชุมเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาว่า หลังเข้ารับตำแหน่ง แต่ละวันตื่นเช้ามาสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือมองฟ้า หากฟ้ากระจ่างใสดีก็ไม่กล้าเบาใจ หากมีหมอกมลพิษเป็นกระวนกระวายหนัก แต่หลังประสบความสำเร็จในการสร้าง "เอเปคฟ้าใส" ในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่เขตหวัยโหรว กรุงปักกิ่ง เมื่อปลายปี 2014 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าหมอกมลพิษสามารถจัดการได้ แต่ไม่ใช่รอฟ้าประทานอย่างเดียว ต้องทุ่มเทความพยายามจากภายนอกเข้าไปด้วย
และว่าเมื่อเทียบการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว ความรุนแรงในการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมของจีนได้ล้ำหน้าเกินสถิติสูงสุดของเยอรมนีและญี่ปุ่นกว่า 2-3 เท่า แต่นับจากความสำเร็จในการจัดการมลภาวะทางอากาศช่วงเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเอเปคที่กรุงปักกิ่ง เมื่อปลายปี 2014 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าต้องลงมือทำไม่ใช่รอฟ้าประทาน จำต้องลดปริมาณการปล่อยมลภาวะจากสิบล้านตันให้ลงมาเป็นล้านตันให้ได้
ทั้งนี้ กฎหมายที่ดีต้องไม่ใช่เป็นเพียง "เสือกระดาษ" ต้องมีเขี้ยวเล็บที่แหลมคมจริง กระทรวงสิ่งแวดล้อมได้กำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการปฏิบัติตามกฎระเบียบการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยจะเอาจริงใน 4 ด้านเป็นสำคัญ ได้แก่ 1)ปรับแก้บทลงโทษวิสาหกิจที่ก่อมลภาวะ 2)ดำเนินการตามแผนงานป้องกันและแก้ไขมลภาวะทางอากาศอย่างรอบด้าน 3)พัฒนางานทางวิทยาศาสตร์และระบบงานแก้ไขหมอกมลพิษ 4)เปิดเผยข้อมูลต้นตอการปล่อยมลภาวะให้สาธารณชนรับรู้ เพื่อจะได้ร่วมกันควบคุมดูแล
พร้อมทั้งระบุว่า ปัญหาหมอกควันมลพิษประชาชนจีนทุกคนเป็นผู้รับเคราะห์ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ก่อด้วย ขอเพียงทุกคนไม่นิ่งดูดายร่วมมือร่วมใจกัน วันฟ้าใสก็จะมีให้เห็นกันบ่อยครั้งได้ในเร็ววัน
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府