เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:ยืนหยัด+ข้ามขีดจำกัดด้วยการอ่านหนังสือ
  2015-03-31 17:58:04  cri

การประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวประจำปี 2015 ที่มณฑลไห่หนาน มีขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 29 มีนาคม ผู้ร่วมประชุมกว่า 1,700 คนได้พูดคุยในประเด็นที่หลากหลาย เช่น ความร่วมมือระดับภูมิภาค ความมั่นคงด้านการเมือง การปรับเปลี่ยนรูปแบบอุตสาหกรรม นวัตกรรมทางเทคโนโลยี

ในการประชุมวันสุดท้าย เมื่อช่วงเช้า 7 นาฬิกาของวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ได้จัดให้มีการสนทนากลุ่มย่อยในหัวข้อ "เทคโนโลยีและนวัตกรรมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีซีอีโอของไป่ตู้ นายหลี่เยี่ยนหง เป็นผู้ดำเนินการสนทนากับแขกรับเชิญพิเศษ 2 ท่าน ได้แก่ นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ประธานมูลนิธิบิล-เมลันดา เกตส์ และนายอีลอน มัสค์(Elon Musk) ซีอีโอบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก และบริษัทสเปซเอ็กซ์ที่ขายจรวดให้กับนาซ่า

โดยนายอีลอน มัสค์กล่าวถึงอนาคตเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์ไร้คนขับว่า ส่วนตัวแล้วถ้ามองจากด้านเทคโนโลยี อีกเพียง 2- 3 ปีข้างหน้าการใช้งานรถยนต์ไร้คนขับจะมีความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งในเรื่องของกำลังการผลิตขนาดใหญ่นั้น อีกห้าปีให้หลังสามารถเป็นจริงขึ้นได้ แต่การจะให้คนส่วนใหญ่ยอมรับในเรื่องการขับรถโดยไม่ใช้คนนั้น จำต้องให้รัฐบาลมีกฎระเบียบรองรับ ดังนั้น ถ้ามองจากแง่มุมนี้ คงยังต้องใช้เวลาอีกนาน

และว่าเคล็ดลับในการก้าวสู่ความสำเร็จของเขา คือการยืนหยัดให้ถึงที่สุด เพราะแรกเริ่มเขาเองก็ไม่คิดว่าจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ แม้จะเห็นว่ามีความสำเร็จเพียง 10% แต่เขาก็ยืนหยัดที่จะทำให้เป็นจริง เทสล่าก็ยึดหลักเดียวกันนี้ เพราะตอนเขาคิดจะทำรถยนต์ไฟฟ้า หลายคนว่าเปิดบริษัทรถยนต์เป็นพวกหน้าโง่ทั้งนั้น เปิดบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งโง่หนักเข้าไปอีก แต่พวกเราก็ไม่หยุดยั้ง ยังคงพยายามทดลองต่อไป แม้จะล้มลุกคลุกคลานหลายต่อหลายครั้งก็ตาม...

สำหรับบิล เกตส์ เมื่อถูกถามว่าในอนาคตข้างหน้าต้องการให้คนทั่วไปนิยามเขาว่า เป็นนักการกุศลหรือไม่นั้น เขาตอบว่า สำหรับตอนนี้รู้สึกว่าตนเองสามารถทำประโยชน์อันใหญ่หลวงได้ก็ด้วยการผ่านมูลนิธิการกุศล ซึ่งในตอนที่เขายังอายุ 20 กว่านั้น คงไม่รู้สึกว่าการทำเรื่องการกุศลจะสามารถสร้างความยินดีอะไรให้ตนเองได้แน่ แต่สภาพในปัจจุบันนี้กลับทำให้เขารู้สึกพึงพอใจได้อย่างยิ่ง หลังจากเขาออกจากไมโครซอฟต์ คนอื่นก็ยังคงบริหารงานต่อไปได้

บิล เกตส์เห็นว่า คนแต่ละคนมีลายเส้นชีวิตไม่เหมือนกัน หนทางชีวิตที่เดินผ่านก็ต่างกันไปด้วย แรกเริ่มเขาทำเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ แต่ต่อมารู้สึกว่าแผ่นพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มค่าอย่างที่เขาต้องการ รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ได้รับการผลักดันมากพอ จึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้นำความรู้ความสามารถและทุนทรัพย์ที่ตนมีผลักดันในเรื่องนี้

และแม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้ในเรื่องใหม่เหล่านี้มาก่อน แต่เมื่ออ่านหนังสือและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ย่อมจะทำให้ไปได้เร็ว เพราะมนุษย์เรามักมีขีดจำกัด แต่ขีดจำกัดนี้จะถูกกำจัดได้ด้วยพลังความสามารถและแรงปรารถนา การอ่านหนังสือจะเป็นหนทางที่ดีที่ทำให้เราสามารถทะลุขีดจำกัดนี้ไปได้ บิล เกตส์ว่า ปัจจุบันสามารถอ่านหนังสือได้คราวละพันบรรทัด อนาคตเป็นไปได้ที่จะขยับถึงหมื่น...

การพูดคุยจบลงตอนราวแปดโมงครึ่ง ชาวเน็ตจีนรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า "เรื่องน่ากลัวได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว! พวกผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ทั้งสูง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังตื่นเช้ากว่าพวกเราอีก! เจ็ดโมงก็เริ่มถกกันถึงเรื่องอนาคต!" เหมือนคำกล่าวที่ว่า คนเก่งได้รับพรจากสวรรค์มาส่วนหนึ่ง ที่เหลืออีกร้อยละ 90 มาจากพรแสวงล้วน ๆ สู้ ๆ

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040