เมื่อเร็ว ๆ นี้ ภาพข่าวโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองเหิงสุ่ย มณฑลเหอเป่ย มีการต่อเติมรั้วกั้นเหล็กบริเวณระเบียงอาคารเรียนทั้งหลัง ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจีนจำนวนมาก ต่างแสดงความเห็นว่า "ไม่ต่างจากอยู่ในคุกเลย" และว่าคงเพราะ "เพื่อป้องกันนักเรียนกระโดดตึก"
จากภาพจะเห็นได้ว่าเดิมทีระเบียงอาคารมีรั้วกั้นสูงประมาณระดับอกเป็นปกติทั่วไปอยู่แล้ว แต่มีการต่อเติมรั้วกั้นไปอีกจนสูงติดเพดานแต่ละชั้น ดูจากภายนอกมีสภาพเหมือนเป็นสถานกักขัง แต่เมื่อลองพิจารณาข้อความบนป้ายผ้าที่แขวนติดไว้ก็จะทราบได้ว่า นี่คือโรงเรียนแน่ ๆ เพราะล้วนเป็นข้อความให้นักเรียนมุ่งมั่นกับการเรียน อาทิ "สอบเอ็นทรานซ์ติดมาจากความสำเร็จในแต่ละวัน แต่ละคาบ แต่ละข้อ" "การเอาชนะความยากลำบากในการเรียนแต่ละครั้งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการพัฒนาตนเองให้สูงขึ้น" เป็นต้น
ทั้งนี้ โรงเรียนมัธยมศึกษาในเมืองเหิงสุ่ยบางแห่งรวมถึงที่เป็นข่าว ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบระบบการศึกษา เป็นเสมือน "โรงงานแปรรูปมุ่งสู่เอ็นทรานซ์" "ค่ายฝึกฝนรวมพลนักเรียนมัธยม" เป็นต้น โดยโรงเรียนดังกล่าวมีกฎระเบียบที่เข้มงวดอย่างมาก ทั้งในเรื่องกำหนดเวลาพักผ่อนและทานอาหาร รวมถึงการจัดการกับปัญหารักในวัยเรียน โดยทางโรงเรียนจะมีบทลงโทษนักเรียนชายหญิงที่มีความสนิทสนมเกินเหตุด้วยการหักคะแนนความประพฤติ ซึ่งนักเรียนส่วนหนึ่งยอมรับว่าความเข้มงวดนี้ ช่วยให้ใช้เวลาไปกับการเรียนหนังสือได้อย่างเต็มที่จริง
โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนดังกล่าวมีข่าวเด็กนักเรียนตกตึกเสียชีวิต 2 ครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียน ซึ่งการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของจีนจะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การป้องกันไม่ให้นักเรียนกระโดดตึกนั้น ที่จริงแล้วควรหาต้นเหตุที่แท้จริงให้เจอ พิจารณาปัญหาจากมุมมองความเป็นมนุษย์เป็นสำคัญ เพราะรั้วเหล็กกั้นได้แต่ร่างกาย ควรสร้างรั้วป้องกันทางความคิดให้กับเด็กมากกว่า นอกจากนี้ การติดรั้วกันตามระเบียงทั้งตึก ทำให้โรงเรียนดูราวกับคุกหรือโรงพยาบาลโรคจิต จะกลายเป็นสร้างบรรยากาศที่อึดอัดตึงเครียด ทำให้เด็กนักเรียนรู้สึกกดดัน ทำลายบรรยากาศการเรียนการสอนที่ดีตามปกติ เป็นผลเสียมากกว่าได้
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府