กรุงปักกิ่งในฐานะราชธานีของ 6 ราชวงศ์มีตรอกเล็กซอยน้อยที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอวัฒนธรรมดั้งเดิมมหาศาล มีซอยแห่งหนึ่งที่คนไทยอาจคุ้นเคยคือถนนหนานหลัวกู่เซี่ยง แต่วันนี้ เรามาทำความรู้จักกับอีกซอยหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนหนานหลัวกู่เซี่ยง ก็คือ ถนนเอียนไต้เสียเจีย(yāndàixiéjiē)

ถนนสายนี้ นอกจากมีร้านขายกล้องสูบยาแล้ว ยังมีร้านขายนาฬิกา เครื่องปั้นดินเผา เครื่องลายคราม ภาพเขียน เป็นต้น แต่สถานที่ที่เราพลาดไม่ได้ที่สุดก็คือวัด "กว่างฝู"

วัด "กว่างฝู" สร้างขึ้นเมื่อค.ศ. 1459 มีประวัติความเป็นมากว่า 500 ปี ในสมัยราชวงศ์หมิง วัด "กว่างฝู" เป็นที่ตั้งของ"เต้าลู่ซือ" ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลศาสนาเต๋าทั่วประเทศ ต่อมาถึงราชวงศ์ชิง จักรพรรดิยงเจิ้ง (องค์ชายสี่ที่ชาวไทยรู้จักกันดี) ทรงเลื่อมใสศรัทธาศาสนาเต๋าเป็นอย่างยิ่ง จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ให้ปฏิสังขรณ์วัดเป็นการใหญ่ และได้สืบทอดจนถึงปัจจุบัน การตั้งชื่อวัดว่า"กว่างฝู" เพราะหวังที่จะให้วัดแห่งนี้ส่งบุญกุศลแก่ผู้นับถืออย่างสูง

บริเวณถนนเอียนไต้เสียเจียไม่เพียงแต่มีโบราณสถานอันเก่าแก่ หากยังมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ทันสมัยด้วย จากถนนเอียนไต้เสียเจียเดินไปทางทิศตะวันตก 50 เมตร ก็จะถึงทะเลสาบโฮ่วไห่ เป็นที่รวมของบาร์ ถ้าหากอยากฟังดนตรีร็อคแอนด์โรล ก็มาที่นี่เลย ในสายตาของชาวปักกิ่ง ทะเลสาบโฮ่วไห่เป็นสถานที่ผสมผสานระหว่างกรุงปักกิ่งในยุคโบราณและยุคสมัยใหม่

เมื่อกล่าวถึงทะเลสาบโฮ่วไห่ก็อย่าลืมการเล่นน้ำด้วย ในฤดูร้อน สามารถพายเรือได้หรือบางทีจะเห็นคนลงไปดำผุดดำว่าย ส่วนในฤดูหนาว น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง เป็นลานสเก็ตน้ำแข็งได้สบาย

เดินรอบบริเวณนี้แล้ว ถ้าหิวไม่ต้องห่วง ที่นี่มีภัตตาคารดั้งเดิมหลายแห่ง อาทิ ภัตตาคาร "เข่าโร่วจี้" มีประวัติความเป็นมากว่า 100 ปี เป็นภัตตาคารอาหารฮาลาลที่ขายเนื้อแกะย่างและเนื้อวัวย่าง มีภัตตาคาร "ตงซินซุ่น" ที่ขาย"เป้าตู่" หรือกระเพาะลวก ซึ่งเป็นอาหารดั้งเดิมของกรุงปักกิ่ง

ถนนเอียนไต้เสียเจียอยู่ใจกลางตัวเมืองปักกิ่ง การเดินทางไปบริเวณนี้สะดวกมาก นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 ไปลงที่สถานี"กู่โหลวต้าเจีย" หรือนั่งรถเมล์สาย 5 60 107 124 หรือ 635 ไปลงที่สถานี"กู่โหลว" จะได้บรรยากาศกรุงปักกิงปักกิ่งต้นตำรับดั้งเดิมขนานแท้

(In/Cui)