เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมสถิติกรุงปักกิ่งและสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนร่วมกันประกาศรายงานสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงของผู้ที่พำนักอาศัยในปักกิ่งว่า ในช่วงวงแหวนรอบที่ 3 ถึงรอบที่ 6 มีประชากรอาศัยถาวรอยู่กว่า 12.28 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 57.1 ของทั้งเมือง ส่วนนอกวงแหวนรอบที่ 5 มี 10.98 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 51.1 ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการรายงานจำนวนประชากรโดยยึดถนนวงแหวนรอบเมืองเป็นเกณฑ์

สถิติชี้ว่า ในรอบห้าปีนี้ จำนวนประชากรในปักกิ่งมีการเพิ่มขึ้นน้อยลง โดยปี 2014 ปักกิ่งมีจำนวนผู้พำนักอาศัยถาวรเพิ่มขึ้น 368,000 คน น้อยกว่าปี 2011 ที่เป็น 567,000 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า การที่ปริมาณพลเมืองในปักกิ่งเพิ่มน้อยลง มีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง เกี่ยวพันกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจสังคม การปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมในเมืองอื่นๆ รวมถึงค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของปักกิ่งเองที่สูงขึ้นด้วยนั่นเอง

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดยังระบุว่า ปักกิ่งมีจำนวนประชากรที่พำนักถาวร 21.51 ล้านคน โดยมีการกระจายออกไปรอบนอกมากขึ้น จากภายในวงแหวนรอบที่ 2, 3 ไปยังนอกวงแหวนรอบที่ 4 ซึ่งเฉพาะจำนวนชาวต่างถิ่นที่พำนักอยู่ถาวรในปักกิ่งมี 8.18 ล้านคน โดยร้อยละ 65 อาศัยอยู่ระหว่างวงแหวนรอบที่ 4-6 และที่อาศัยอยู่นอกวงแหวนรอบที่ 5 เป็นกว่า 4.22 ล้านคน

แต่เนื่องจากแหล่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ อาทิ สถานทำงาน สถานศึกษาตั้งแต่ระดับประถมจนถึงอุดมศึกษาชื่อดัง โรงพยาบาลใหญ่ที่มีชื่อเสียง ล้วนอยู่กระจุกอยู่ในตัวเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น แม้ว่าจะมีการพัฒนาเขตเมืองรอบนอกให้เจริญมีคนไปอาศัยอยู่มากขึ้น เพื่อกระจายความหนาแน่นของประชากรในใจกลางเมืองออกไป แต่การกระจุกตัวของสิ่งสาธารณูปโภคดังกล่าว นำมาซึ่งปัญหาจราจร สิ่งแวดล้อม และปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมาแทน

มีชาวเน็ตแสดงความเห็นว่า สภาพการใช้ชีวิตของคนในปักกิ่ง ก็คือ เช้า 7 โมงแต่ละวัน จะต้องมีคนกว่าสิบล้านคน จากนอกวงแหวนรอบที่ 5 ทะลักกันเข้าเมือง และหลัง 5 โมงเย็นก็จะหลั่งไหลกันกลับออกไปยังรอบนอกอีก ช่างเป็นภาพอลังการงานสร้างไม่น้อย! ซึ่งชาวเน็ตหลายคนต่างเห็นด้วย และเหนื่อยจิตถอนใจไปตาม ๆ กัน เพราะแต่ละวันต้องใช้เวลาหมดไปกับการเดินทาง และว่านี่แหละต้นเหตุที่แท้จริงทำให้ปักกิ่งต้องผจญกับสภาพรถติดอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府