สำหรับที่จีน ผู้ตอบสำรวจร้อยละ 59 และร้อยละ 36 ยอมรับว่าเคยดูวีแชทและเวยโป๋ระหว่างขับรถ ที่ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 48 ระบุว่าเคยขับรถไปเข้าดูเฟซบุ๊คไปด้วย ซึ่งที่ออสเตรเลียมีร้อยละ 16 สำหรับไทยมีผู้ใช้งานไลน์ระหว่างขับรถเท่ากับร้อยละ 47 และที่อินเดียผู้ตอบสำรวจร้อยละ 27 ก็ยอมรับเช่นกันว่าเคยใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียรูปแบบต่าง ๆ ระหว่างขับรถด้วยเช่นกัน โดยกิจกรรมที่คนขับรถในอินเดียเคยทำกันมากที่สุดระหว่างขับรถถึงร้อยละ 56 คือการคุยหรือรับส่งข้อความผ่านมือถือ
นอกจากนี้ สัดส่วนของผู้ที่ขับรถแล้วชอบถ่ายรูปตัวเอง สูงสุดคือฟิลิปปินส์มีร้อยละ 42 สำหรับจีนและไทยใกล้เคียงกัน คือร้อยละ 31 และ 30 ตามลำดับ ส่วนอินเดียและออสเตรเลียเท่ากับร้อยละ 23 และ 7 เท่านั้น
ข้างต้นที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างปัจจัยที่ส่งผลต่อสมาธิในการขับรถ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลร้ายแรงขนาดไหนต่อการความปลอดภัยบนท้องถนนนั้น ผลสำรวจยังชี้ว่า ขณะขับรถที่ความเร็ว 100 กม.นั้น การเปิดใช้โซเชียลมีเดียจะเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ขับไป 20 วินาที ซึ่งระยะทางที่รถเคลื่อนไปข้างหน้าบนท้องถนนในช่วงเวลาสั้นๆ นี้จะเท่ากับ 560 เมตรหรือเทียบได้กับความยาวของสนามฟุตบอลต่อกัน 5 สนาม การถ่ายรูปตัวเองจะเบี่ยงเบนความสนใจไป 14 วินาทีเท่ากับ 400 เมตร
และกับแค่การจัดแต่งทรงผมเพียง 4 วินาทีรถก็จะเคลื่อนไปข้างหน้าเป็นระยะทางถึง 120 เมตรเทียบได้กับสนามบาสเกตบอล 4 สนามแล้ว ไม่มีใครอยากให้ความประมาทเพียงชั่วครู่นำไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนแน่นอน ดังนั้น การใช้รถใช้ถนนครั้งต่อไป หากหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ได้ ก็เท่ากับลดความเสี่ยงอันตรายในการใช้รถใช้ถนนต่อตนเองและผู้อื่น
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府