ทำการค้าตามแผนที่ ทำการค้าต่างประเทศตาม " 1 แถบ 1 เส้นทาง" ในสายตาของนักธุรกิจจีน เส้นทางสายไหมทางบกและเส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21 แฝงโอกาสไว้มากมาย แต่จะทำการค้าอย่างไรในระเบียงเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ และหาโอกาสทำการค้ากับประเทศรายทางอย่างไร
ทางรถไฟสายอวี๋ซินโอว เชื่อมต่อเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล
เมื่อเร็วๆ นี้ รถไฟสายอวี๋ซินโอว(ฉงชิ่ง – ซินเจียง – ยุโรปความยาว 11,379 กิโลเมตร) ขบวนหนึ่งได้บรรทุกเครื่องกรองน้ำจำนวน 10,000 เครื่องที่ผลิตในเยอรมนี ออกเดินทางจากเมือง ดุ๊ยส์บวร์ก(Duisburg)ของเยอรมนี ผ่านประเทศโปแลนด์ เบรารุส รัสเซีย คาซัคสถาน และเข้าด่านชายแดนภูเขาอาลาของเขตปกครองตนเองอุยกูรซินเจียงของจีน เดินทางอีกประมาณ 4,000 กิโลเมตร มาถึงนครฉงชิ่งซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ใช้เวลาทั้งหมด 14 วัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่นักธุรกิจอีคอมเมอร์สจีนขนส่งสินค้ากลับประเทศด้วยระบบการขนส่งทางรถไฟ
นาย หลิว หรงชิ่ง ผู้จัดการใหญ่บริษัท มี่หยาเป่าเปย ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมอร์สกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ของรถไฟสายอวี๋ซินโอวคิดตู้ละ 3,500 เหรียญสหรัฐฯ ราคาพอๆ กับการขนส่งทางเรือ แต่จะประหยัดเวลาเกือบ 1 เดือน และราคานี้เพียงเป็น 1 ใน 4 ของการขนส่งทางอากาศ โดยเฉลี่ยวแล้ว การขนส่งสินค้าแต่ละชิ้นเพียง 1 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น ราคาจำหน่ายก็จะถูกลงอย่างมาก
บริษัท มี่หยาเป่าเปย เป็นบริษัทอีคอมเมอร์ที่ประกอบะรกิจนำเข้าสินค้า เมื่อไม่นานมานี้ได้ตั้งสำนักงานใหญ่ที่นครฉงชิ่ง ก่อนหน้านี้ การขนส่งสินค้าจากยุโรปล้วนอาศัยการขนส่งทางเรือหรือทางอากาศ และคลังเก็บสินค้าอยู่ที่เมืองกว่างโจว นครเทียนจิง และเมืองหนิงโป ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีน พร้อมๆ กับธุรกิจการค้าพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็มีปัญหาด้านโลจิสติกส์ว่า ทำยอย่างไรจึงจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
เมื่อรัฐบาลดำเนินโครงการ " 1 แถบ 1 เส้นทาง" และนครฉงชิ่งที่อยู่ทางภาคตะวัตตกเฉียงใต้ของจีน มีรถไฟสายอวี๋ซินโอวที่ไปถึงตลาดสำคัญของยุโรปโดยตรง ซึ่งเป็นทางเชื่อมประเทศรายทางเส้นทางสายไหมทางบก ทำให้นายหลิว หรงชิ่งตัดสินใจมาตั้งคลังสินค้าที่นครฉงชิ่ง เพื่อกระจายสินค้าที่นำเข้าจากยุโรปไปสู่ทั่วประเทศ
นายชี ตัน ผู้จัดการใหญ่บริษัทโลจิสติกส์อวี๋ซินโอวฉงชิ่งกล่าว่า ปัจจุบัน ทางรถไฟสายอวี๋ซินโอวมีบริการวิ่งไปกลับยุโรปสัปดาห์ละ 5 เที่ยว เป็นสะพานสำคัญที่เชื่อมต่อเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราได้นำเข้าถั่วกาแฟกว่า 300 ตันจากเวียดนาม และส่งต่อไปยังยุโรปด้วยทางรถไฟสายนี้ ในอนาคต เรามีแผนที่จะส่งต่อรถยนตร์ของยุโรปไปสู่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งต่อผลิตภัณฑ์การเกษตรของประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่เอเชียกลางและยุโรป
ที่มณฑลชิงไห่ทางภาคตะวันตกของจีน เป็นจุดสำคัญของเส้นทางสายไหม นายหัน เหวินเสียง ผู้จัดการฝ่ายการค้าต่างประเทศกลุ่มบริษัทขนแกะชิงไห่กล่าวว่า ขนแกะได้รับการขนานนามว่าเป็น "ทองคำอ่อน" ปีนี้ ราคาในตลาดตันละประมาณ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2013 บริษัทแห่งนี้เริ่มส่งออกด้ายจากขนแกะไปยุโรป เขากล่าวว่า จีนผลิตขนแกะกว่า 70% ของโลก เราไม่ส่งออกขนแกะดิบ แต่ส่งออก้ป็นด้าย เพราะมีกำไรสูงกว่า 30%
เมื่อทางการจีนประกาศโครงการ " 1 แถบ 1 เส้นทาง" มีการกำหนดนโยบายหรือสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจพัฒนากิจการตามเส้นทางนี้ ผู้รับผิดชอบของบริษัทจึงเล็งไปยังประเทศเอเชียกลาง โดยมีแผนลงทุน 330 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สร้างโรงงานผลิตพรมขนแกะที่กรุงอาชกาบัต เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน นอกจากนั้น ยังเสนอกับเติร์กเมนิสถานว่าจะก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมผลิตสิ่งทอในเติร์กเมนิสถานด้วย ปัจุบันสองฝ่ายกำลังหารือกันอยู่
ประเทศรายทาง " 1 แถบ 1 เส้นทาง" มีประเทศมุสลิมหลายประเทศ นักธุรกิจจีนควรมีความรู้ความเข้าใจด้านภาษา วัฒนธรรมและขนบประเพณีทางศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการเปิดตลาดในประเทศเหล่านี้ นายหัน เหวินเสียงกล่าวว่า มณฑลชิงไห่เป็นเขตชุมชนสำคัญของชาวมุสลิมในจีน วัฒนธรรมมีความคล้ายคลึงกับประชาชนในประเทศเอเชียกลาง การนี้ทำให้ประชาชนท้องถิ่นยินดี
(In/Lin)