หลายครั้งครับเวลาผมไปเดินจ่ายตลาดกับคุณอินทนิล ผู้เชี่ยวชาญไทยอีกท่านหนึ่ง เราก็มักจะเห็นคนยืนแจกใบปลิว และเกือบร้อยทั้งร้อยที่เจอจะเป็นการประชาสัมพันธ์ฟิตเนสหรือสถานที่ออกกำลังกายแห่งใหม่ว่าอยู่ตรงไหน ค่าสมัครเป็นอย่างไร อุปกรณ์ของฉันทันสมัยที่สุดในย่าน ฯลฯ
คำถามก็เกิดขึ้นครับ ผมถามคุณอินทนิลในฐานะคนอาศัยอยู่ปักกิ่งมานานว่าแต่ก่อนคนจีนออกกำลังกายด้วยการไปสถานที่แบบนี้หรือเปล่า คุณอินตอบว่าที่จริงแล้วหากย้อนไปสัก 5-6 ปีก่อน คนจีนไม่เคยต้องพึ่งพาอะไรแบบนี้ พวกเขามักจะรวมตัวกันไปออกกำลังตามสวนสาธารณะละแวกบ้าน รับประทานอาหารแค่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต แต่ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ชาวจีนโดยเฉพาะในเมืองหลวงฐานะดีขึ้น การกินการอยู่จึงดูฟุ้งเฟ้อไปบ้าง
สอดคล้องกับการรายงานสถิติจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเองที่ออกมาเตือนประชาชนทั้งในวัยเด็กและผู้ใหญ่ให้ระมัดระวังการรับประทานอาหารและหมั่นออกกำลังกายให้มากขึ้น
สถิติที่ทาง CCTV ทำเป็นอินโฟกราฟฟิคให้ดูกันง่าย ๆ ก็เห็นชัดครับว่า ทุกวันนี้ชาวจีนมากกว่าร้อยละ 30 มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน และในจำนวนนี้กว่า 11 เปอร์เซ็นต์เป็นโรคอ้วน คุณผู้อ่านเห็นตัวเลขเท่านี้นี่อันดับ 2 ของโลก รองแค่สหรัฐฯเท่านั้นนะครับ
และด้วยปัจจัยที่ว่าบวกกับค่านิยมของชาวจีนบางส่วนที่รักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและเพื่อรูปร่างเรียกแรงดึงดูด ธุรกิจครบวงจรรูปแบบใหม่จึงก่อตัวขึ้น ระยะเวลาเพียง 5 ปี อุตสาหกรรมฟิตเนสครบวงจรจีนเติบโตขึ้นกว่า 14 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะในปีนี้คิดเป็นมูลค่าถึงกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
เห็นข่าวนี้แล้วน่าจะเป็นโอกาสแก่นักลงทุนไทยที่สนใจจะบุกตลาดคนรักสุขภาพที่จีนไม่มากก็น้อยนะครับ ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามจากไทยเป็นที่นิยมชมชอบไปแล้ว สายเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรงไม่แพ้กันนี้ ใครจับทางได้ก็ขอให้โชคดีแล้วกันครับ