ต่อจากสัปดาห์ก่อนนะครับ ผมได้ยกประเด็นฟรีวีซ่าที่ทางสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจจีน-ไทยพยายามผลักดันกันอยู่ สัปดาห์นี้จึงขอนำเสนออีกหนึ่งประเด็นที่ถือได้ว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและอยากผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนไปไม่แพ้กัน นั่นก็คือการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับ "โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ให้แพร่หลายและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และนี่ก็เป็นคำพูดส่วนหนึ่งของ ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมฯ ที่ผมถอดความมาให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันครับ
"นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผมได้เสนอในการสัมมนาทั้งในจีน อินโดนีเซียและไทยว่าคนทั่วไปยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้ดีนัก หรือคนที่มีความคิดแบบตะวันตกที่ยังหวาดระแวงจีน ก็คิดว่าจีนกำลังแผ่อิทธิพลในเอเชียใต้และอาเซียน จึงเป็นหน้าที่ของจีน ไทยและอาเซียนช่วยกันอธิบาย Concept นี้ คนน่าจะเข้าใจและไว้ใจได้มากขึ้น ผมเสนอให้มีMedia center ที่เน้นประชาสัมพันธ์เรื่องหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางให้มากขึ้น ข้อมูลทั้งหลายที่จีนทำกับประเทศต่าง ๆ รวมทั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย ทำอย่างไรให้ข้อมูลออกสู่สาธารณะ โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียนให้ได้มากที่สุด แม้แต่การให้ยูนนาน กว่างซีเป็นระเบียงเศรษฐกิจ คนทั่วไปยังไม่ทราบ พอพูดถึงทางสายไหมทางทะเลจะมีความแตกต่างจากอดีตอย่างไร
รูปธรรมสำคัญที่สมาคมอยากช่วยคือประสานกับมหาวิทยาลัยในเมืองไทย UIBE มหาวิทยาลัยหัวเฉียวที่เซี่ยะเหมินหรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในจีน เพื่อร่วมกันศึกษาเรื่องเจิ้งเหอ เพราะถ้าคนไทยเข้าใจเจตนารมณ์ของกองเรือเจิ้งเหอว่าเป็นการแสดงสัมพันธไมนตรี ไม่ใช่การรุกราน สมาคมฯจะทำโครงการโดยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558 จะมีการศึกษาเส้นทางนี้ร่วมกัน จะใช้สถานีโทรทัศน์กลางของจีนหรือซีซีทีวีทำ Documentary เกี่ยวกับเรื่องนี้หลายตอน ทำรายละเอียดแล้วอยากขอให้ซีอาร์ไอช่วยผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม ฝ่ายไทยคณะทำงานจะมีทั้งสถานีโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์มาร่วม..."
อีกหนึ่งความพยายามนี้ผมว่า เร็ว ๆ นี้คนไทยคงรู้จักและเข้าใจโครงการต่าง ๆ ที่จีนกำลังดำเนินอยู่มากยิ่งขึ้น และขอขอบคุณทางสมาคมฯที่ไว้วางใจให้ซีอาร์ไอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ความรู้และสร้างความเข้าใจนี้ครับ