นายสีว์ ปู้กล่าวว่า หลังจากสร้างประชาคมอาเซียนให้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียนทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศอาเซียนจะมีระดับสูงยิ่งขึ้น เป็นการอัดฉีดพลังขับเคลื่อนใหม่สำหรับการพัฒนาร่วมกันของประเทศอาเซียน นอกจากนี้ บรรดาประเทศอาเซียนสามารถมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการจัดการภารกิจภายในภูมิภาคและภารกิจระหว่างประเทศ
องค์กรที่เกี่ยวข้องคาดว่า ในปี 2020 ยอดเศรษฐกิจขงอประเทศอาเซียนจะเพิ่มมากถึง 4.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก จาก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับที่ 7 ของโลกในปัจจุบัน ถึงปี 2030 จำนวนชนชั้นกลางในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวเป็น 163 ล้านคน เศรษฐกิจอาเซียนจะคึกคักมาก พร้อมกันนั้น ตลาดอาเซียนก็จะกลายเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ระดับโลก โดยมีสิ่งแวดล้อมการลงทุนที่ดีและเงื่อนไขประกอบธุรกิจที่สะดวกมาก อาเซียนจะพัฒนาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตและตลาดบริโภคระดับโลกที่สำคัญ ประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถอำนวยความสะดวกมากขึ้นในการขยายตลาดและลดต้นทุนการผลิตสินค้าและการบริการด้วยการยกเลิกภาษีนำเข้า การลดอัตราการว่างงาน การเดินทางข้ามแดนอย่างสะดวก และการหมุนเวียนของแรงงานที่คล่องแคล่ว นอกจากนี้ ประเทศอาเซียนจะใช้ปฏิบัติการประสานงานมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การรักษาสันติภาพและความมั่นคง การป้องกันภัยธรรมชาติ การปราบปรามการก่อการร้ายและลัทธิหัวรุนแรง
นายสีว์ ปู้ชี้ให้เห็นว่า การประกาศก่อตั้งประชาคมอาเซียนนั้น ไม่ได้หมายความว่ากระบวนการสร้างประชาคมโลกสิ้นสุดลงแล้ว แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ประชากรของประเทศอาเซียนเป็น 9% ของประชากรโลก แต่ GDP อาเซียนเป็นเพียง 3% ของ GDP โลก นี่แสดงว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอาเซียนยังต้องเดินบนหนทางอีกยาวไกล
YIM/FENG