ช่วงที่ผ่านมา ประเด็นเศรษฐกิจจีนได้รับความสนใจจากชาวโลกมากเป็นพิเศษ นักลงทุน นักวิชาการต่างชาติบางส่วนมองเศรษฐกิจจีนในแง่ลบ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนอาจถดถอยต่อไปอีกนาน และเผชิญกับภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง เช่น นายจอร์จ โซรอส(George Soros) นักธุรกิจชื่อดังระดับโลกออกมาแสดงความเห็นหลายครั้งช่วงต้นปีนี้ว่า จีนกำลังจะเผชิญภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง เพราะว่าฟองสบู่ตลาดหุ้นแตกแล้ว ของผลิตออกมาขายไม่ได้ โรงงานมีกำลังการผลิตล้นเหลือ และที่สำคัญ มีเงินไหลออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก จนทำให้จีนสูญเสียเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปแล้วจำนวนมหาศาล

แต่ขณะเดียวกัน ก็มีนักธุรกิจ นักลงทุน และนักวิชาการต่างชาติจำนวนมากมองเศรษฐกิจจีนในแง่บวก เช่น นายยาคอฟ เบอร์เกอร์ นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซีย กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เขาไม่เชื่อว่าจีนจะเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะติดลบ เขายังกล่าวว่า ถึงแม้จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างในการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่จีนสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ แม้เศรษฐกิจจีนจะไม่กลับไปสู่การขยายตัวด้วยตัวเลข 2 หลัก แต่จะสามารถขยายตัวตามเป้าที่รัฐบาลกำหนดไว้ นายเบอร์เกอร์เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ เศรษฐกิจจีนจะมีการขยายตัวในช่วง 6-7% นายมาร์ติน กิลเบิร์ต นักธุรกิจอังกฤษแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจจีนจะไม่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหรือดิ่งลงอย่างที่หลายฝ่ายวิตก เศรษฐกิจจีนจะดีดตัวขึ้นและจะยังคงเป็นกลไกขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกไปอีกหลายทศวรรษ การที่เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวนั้นไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป เนื่องจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนเป็นไปตามคาด นายกิลเบิร์ตซึ่งเคยเดินทางมาจีนบ่อยครั้งกล่าวว่า ประสบการณ์ส่วนตัวของเขาในจีนทำให้เขาเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนยังคงมีความแข็งแกร่ง จีนยังคงมีเครื่องไม้เครื่องมืออีกหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ด้านผู้กำกับดูแลเศรษฐกิจจีนเห็นว่า การพัฒนาเศรษกิจจีนกำลังเดินบนหนทางที่ถูกต้อง นายสีว์ เซ่าสื่อ ประธานคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีนกล่าวระหว่างร่วมการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนประจำปีนี้ว่า เศรษฐกิจจีนไม่มีทางเผชิญกับภาวะฮาร์ดแลนดิ้งอย่างแน่นอน แต่ความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจส่งผลต่อการขยายตัวของจีน เศรษฐกิจจีนสามารถตั้งรับความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างแข็งแกร่ง จีนสามารถรักษาอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในกรอบที่สมเหตุสมผลได้ นายสีว์ เซ่าสื่อ กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆ แต่การบรรลุเป้าหมายการขยายตัวที่ 7.0% อาจเป็นไปได้ยาก เมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวอย่างอ่อนแรงของเศรษฐกิจทั่วโลก รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ที่ระดับ 6.5%-7.0% และกำหนดอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยรายปีเอาไว้อย่างน้อย 6.5% ไปจนถึงปี 2020 นายสีว์ เซ่าสื่อเผยว่า จีนไม่จำเป็นต้องลดการจ้างงานครั้งใหญ่ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากจีนกำลังหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการลดการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรม นายสีว์ เซ่าสื่อแสดงความเห็นว่า โดยรวมแล้ว เขามีมุมมองบวกต่อตลาดแรงงานของจีน จากเหตุผล 5 ประการดังนี้

ประการแรก บางบริษัทได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างพนักงาน เช่น การลดชั่วโมงการทำงานและเงินเดือน

ประการที่สอง แม้ว่าอัตราการขยายตัวของจีนได้ชะลอลง แต่ในภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจของประเทศกำลังขยายตัวมากยิ่งขึ้น โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ปรับตัวขึ้นเพียง 1% อาจส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านตำแหน่ง

ประการที่สาม ภาคบริการที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นแหล่งจ้างงานใหม่ที่แข็งแกร่ง ในปี 2015 ภาคบริการคิดเป็น 50.5% ของจีดีพีจีน และถือเป็นครั้งแรกที่ภาคบริการขยายตัวกล่า 50% ของจีดีพี

ประการที่สี่ การสร้างนวัตกรรมและจำนวนประชาชนที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2015 ยอดจดทะเบียนบริษัทใหม่อยู่ที่ 4.4 ล้านบริษัท ซึ่งส่งผลให้มีการจ้างงานใหม่กว่า 12 ล้านตำแหน่ง

ประการที่ห้า การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ประชาชนสามารถหางานที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของตนได้รวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ในการตั้งรับผลกระทบจากการปลดพนักงาน รัฐบาลกลาง

ของจีนจะจัดสรรงบประมาณ 1 แสนล้านหยวนภายในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการลดการผลิตที่ล้นเกิน