วันที่ 19 พฤษภาคมนี้ นายอู๋ สื้อฉุน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยปัญหาทะเลจีนใต้ร่วมการสัมมนาเกี่ยวกับปัญหาทะเลจีนใต้ ซึ่งจัดขึ้นโดยคลังสมองของไทยแห่งหนึ่ง โดยชี้แจงจุดยืนของจีนเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวกับผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการไทยกว่า 40 คน

นายอู๋ สื้อฉุนชี้ให้เห็นว่า เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2014 รัฐบาลจีนได้ประกาศเอกสารเกี่ยวกับจุดจืนของจีน ซึ่งระบุว่า ศาลอนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง คดีปัญหาทะเลจีนใต้ไม่มีส่วนช่วยต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค และไม่เป็นผลดีต่อการแก้ข้อขัดแย้งดังกล่าว

เขากล่าวว่า จีนเห็นว่า ศาลอนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจตัดสิน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ ข้อแรก ปัญหาระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ดังกล่าวเป็นผลจากการที่ฟิลิปปินส์ยึดเกาะในหมู่เกาะหนานซาของจีน เงื่อนไขเบื้องต้นในการยื่นขออนุญาโตตุลาการตามระเบียบสากลคือ สองฝ่ายมีการตีความอนุสัญญาฉบับเดียวกันแตกต่างกัน แต่ปัญหาระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ดังกล่าวไม่ใช่การตีความอนุสัญญาแตกต่างกัน หากเป็นข้อพิพาทดินแดน ข้อที่สอง จีนกับฟิลิปปินส์มีความเห็นตรงกันว่า ควรแก้ข้อพิพาทดินแดนด้วยการเจรจาทวิภาคี กฎหมายระหว่างประเทศมีหลักการพื้นฐานว่า ทุกประเทศต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาที่บรรลุไว้ทุกฉบับ ฟิลิปปินส์ได้ฝ่าฝืนคำมั่นสัญญา และไม่ได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาอย่างจริงจัง

นายอู๋ สื้อฉุนเห็นว่า คดีปัญหาทะเลจีนใต้ดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล ไม่ว่าศาลอนุญาโตตุลาการมีคำตัดสินอย่างไร จีนจะไม่ปฏิบัติตามทั้งสิ้น การอนุญาโตตุลาการไม่มีผลบังคับต่อจีน การปฏิบัติอย่างไรเป็นสิทธิของจีนเอง ที่ไม่ควรถูกภายนอกวิจารณ์

เขาเห็นว่า การแก้ปัญหาทะเลจีนใต้ยังต้องใช้เวลาอีกนาน แต่สถานการณ์ในอนาคตจะพัฒนาไปอย่างไรนั้น จะขึ้นอยู่กับความรับรู้และการเลือกของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง หากร่วมมือกัน คงจะได้รับชัยชนะร่วมกัน หากเป็นปฏิปักษ์ ก็คงจะทำให้เกิดการปะทะ ซึ่งฝ่ายใดก็ยากที่จะได้ประโยชน์ถ่ายเดียว