สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์ทอม สวอรต์(Tom Zwart) จากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยยูเทรชต์( Utrecht) ของเนเธอร์แลนด์ระบุขณะให้สัมภาษ์ผู้สื่อข่าวว่า ข้อพิพาทเกี่ยวกับทะเลหนานไห่ไม่ควรแก้ไขผ่านกระบวนการยุติธรรม หรือการพิพากษา การที่ฟิลิปปินส์ฟ้องร้องคดีทะเลหนานไห่โดยลำพังฝ่ายเดียวควรถอนออกไปเพื่อหลีกทางให้การแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจา
ศาสตราจารย์ทอม สวอรต์ เคยเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย Utrecht และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสิทธิมนุษยชนเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา โดยมุ่งมั่นในการวิจัยปัญหาสิทธิมนุษยชน ศาลลยุติธรรมและกฎหมายสาธารณะ เขาได้ร่วมกับนายซุน รุ่ยคุน นักเรียนนอกชาวจีนลงบทความในเว็บไซต์เวทีอภิปรายวัฒนธรรมและสิทธิมนุษยชนมหาวิทยาลัยยูเทรซต์ว่า "องค์การยุติธรรมระหว่างประเทศหากจะรักษาความชอบธรรมด้วยกฎหมาย ก็ต้องนำหลักการกฎหมายที่เป็นกลางและภววิสัยใช้ในข้อเท็จจริง หากมีข้อพิพาทที่ไม่เหมาะกับการแก้ไขจากกระบวนยุติธรรม ศาลต้องหลีกเลี่ยงให้คำพิพากษา ซึ่งข้อพิพาททางทะเลหนานไห่ก็เป็นกรณีดังกล่าว"
บทความนี้ระบุว่า ศาลพิพากษาที่ก่อตั้งขึ้นตาม "สนธิสัญญากฎหมายทางทะเลระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ" เพียงจัดการข้อพิพาทเล็กน้อยเท่านั้น โดยไม่สามารถจัดการปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการแบ่งน่านน้ำทางทะเลและอธิปไตย ทั้งนี้หมายความว่า การพิพากษาปัญหาที่แท้จริงของศาลดังกล่าวเพียงจัดการปัญหาส่วนหนึ่งให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เท่านั้น ไม่สามารถพิจารณาแก้ไขได้หมดทุกฝ่าย
ศาสตราจารย์ทอม สวอรต์ อธิบายให้ผู้สื่อข่าวว่า "ข้อพิพาทบางส่วน ไม่สามารถได้รับการแก้ไขจากศาล หรือการพิพากษา ผมเห็นว่า ศาลพิพากษาควรตัดสินว่า ศาลไม่สามารถพิพากษาคดีดังกล่าวได้ ขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามหารือแก้ไขเอง"
