ศาลอนุญาโตตุลาการจะประกาศผลการตัดสินกรณีพิพาททะเลหนานไห่(ทะเลจีนใต้)ที่ฟิลิปปินส์ยื่นร้องขอโดยลำพังฝ่ายเดียวเมื่อปี 2013 ในปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นเดือนกรกฎาคมนี้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา นายเหยียน เหยียน รองผู้อำนวยการฝ่ายแลกเปลี่ยนกับต่างประเทศของสถาบันวิจัยปัญหาทะเลหนานไห่ของจีนได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
นายเหยียน เหยียนระบุว่า การที่ฟิลิปปินส์ฟ้องร้องจีนในปัญหา 15 ข้อ สรุปแล้วก็คือปัญหาอธิปไตยเหนือแนวหินโสโครก แต่เรื่องอธิปไตยเหนือดินแดนไม่อยู่ในขอบเขตของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ศาลจึงไม่มีสิทธิจัดการข้อพิพาททางทะเลหนานไห่ระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์
นายเหยียน เหยียนระบุว่า "ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลมาตราที่ 1 ข้อที่ 288 ระบุว่า ศาลมีเพียงสิทธิ์อธิบายและชี้แจงความเหมาะสมในการใช้ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลเท่านั้น ปัญหาอธิปไตยเหนือดินแดนไม่ได้อยู่ในขอบเขตของอนุสัญญาฯ ดังกล่าว ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ศาลไม่มีสิทธิจัดการข้อพิพาททางทะเลหนานไห่ระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ "
การที่ฟิลิปปินส์นำกรณีพิพาททางทะเลหนานไห่ระหว่างจีน-ฟิลิปปินส์ยื่นต่อศาลโดยลำพังฝ่ายเดียวได้ทวีความร้ายแรงให้กับสถานการณ์ในเขตทะเลหนานไห่ และทำให้สถานการณ์จีน-ฟิลิปปินส์ดิ่งลงสู่เหว แต่การที่นายดูเตอร์เตได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีถูกมองว่า อาจจะเป็นโอกาสทำให้ความสัมพันธ์จีน-ฟิลิปินส์ได้รับการปรับปรุงดีขึ้น ผู้นำประเทศทั้งสองต่างได้ส่งสัญญาณที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดีขึ้นแล้ว ต่อการนี้ นายเหยียน เหยียนระบุว่า "ข้าพเจ้าเห็นว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่จะทำความเข้าใจต่อไปได้ เนื่องจากประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์จะดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ก่อนหน้านี้ เขาได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนกับจีนแล้วว่า จะกลับสู่โต๊ะการเจรจากับจีนอีก เพื่อแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกันโดยผ่านการเจรจา นอกจากนั้น เขายังแสดงท่าทีว่า จะร่วมกับจีนหารือปัญหาการบุกเบิกพัฒนาทะเลหนานไห่ แม้ศาลจะประกาศผลการตัดสินก่อนนาย Duterte ดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 มิถุนายนก็ตาม จีน-ฟลิปปินส์ยังคงมีโอกาสกลับสู่หนทางการเจรจา "