คำว่า "แล้วแต่"หรือ"ยังไงก็ได้"นั้น หมายถึงอะไรกันแน่ (1)
  2016-11-01 13:37:01  cri

เวลาทานข้าวกับเพื่อน เราอาจพบคนแบบนี้ว่า คุณถามเขาว่าจะสั่งอะไร อยากกินอะไร เขาก็ตอบว่า แล้วแต่ อะไรก็ได้ แล้วพอคนอื่นบอกว่า งั้นเอาปลาทอดแล้วกัน คนที่พูดว่าอะไรก็ได้คนนั้นก็จะคัดค้านว่า อย่าสั่งอาหารทอดหรือมันดีกว่า ไม่ดีต่อสุขภาพ จึงเปลี่ยนเป็นสั่งปลานึ่งแทน แล้วเมื่อกับข้าวทุกอย่างพร้อมแล้ว กินไปกินมา เพื่อนที่ไม่ยอมสั่งข้าวก็จะพูดต่อว่า ปลานี้กินแล้วไม่สดเท่าไหร่ เมื่อครั้งที่แล้วที่มาร้านนี้ปลาก็ไม่ค่อยสด ไม่น่าจะสั่งปลานะ

ถ้าคนที่สั่งอาหารนั้นมีใจกว้างพอ ก็ไม่ถือสาอะไรเลย แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วอาจรู้สึกเสียใจว่า เมื่อกี้ถามคุณแล้วคุณไม่ยอมบอก สั่งเสร็จแล้วก็คอยจับผิด

เวลาที่เราติดต่อปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น บางคนมักจะไม่อยากบอกความต้องการหรือความคิดของตนตรงๆ มักจะทำท่าว่าตัวเองเป็นคนนิสัยง่ายๆ อะไรก็ได้ เข้าใจคนอื่นได้ แต่หวังว่าคนอื่นรู้ว่าคุณอยากได้อะไร และให้สิ่งของที่ในใจคุณต้องการ ถ้ามีคนแบบนี้เป็นเพื่อนสนิทหรือญาติพี่น้องของตนก็คงลำบากใจเหมือนกัน มีเพื่อนคนหนึ่งบ่นว่า เมื่อเธอเพิ่งทำงานใหม่ๆ เมื่อถึงวันเกิดคุณแม่ เธอก็จะถามคุณแม่ว่าอยากได้ของขวัญอะไร คุณแม่ก็จะตอบว่า ไม่ต้อง ลูกก็หาเงินได้ไม่ง่าย อย่าเปลืองเงิน จากนั้น เพื่อนคนนี้จึงไม่ถามอีก เธอก็ซื้อของขวัญให้แม่เลย แต่ไม่ว่าเป็นเสื้อไหมพรม และแพคเกจทัวร์ที่ซื้อให้ ไม่ว่าเป็นของขวัญราคาสูงหรือต่ำนั้น ดูเหมือนว่าคุณแม่ไม่เคยพอใจเลย บางทีบอกว่าแพงไป บางทีบอกว่าใช้ไม่ได้ น้อยมากที่ซื้อของให้แม่ถูกใจ และคุณแม่ก็จะเอาเงินลูก เวลานานเข้า เพื่อนคนนี้ก็ไม่มอบของขวัญให้แม่แล้ว หลายวันนี้ เพื่อนคนนี้ทะเลาะกับคุณแม่ คุณแม่ว่า ลูกไม่เคยเอาใจใส่แม่ รู้แต่ซื้อของขวัญให้สามี หลายปีมานี้ ไม่เคยคิดจะมอบของขวัญให้แม่เลย เห็นว่าแม่เป็นแม่บ้านธรรมดา เลี้ยงโตแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก เพื่อนคนนี้รู้สึกเสียใจมาก เห็นว่าทีแรกก็คุณแม่บอกว่าไม่เอา ไม่ชอบ มาถึงบัดนี้ ฉันกลับทำผิด ฉันก็ปลอบใจเพื่อนว่า ในสายตาของคุณแล้ว คุณแม่อาจดูไม่มีเหตุผล แต่เรานี่แหละที่ไม่เข้าใจจิตใจของคุณแม่ คุณอาจคิดว่าคุณแม่เป็นคนปฏิเสธความรักของคุณ แล้วก็บ่นว่าคุณไม่เอาใจใส่ท่าน การที่คุณแม่มีความคิดแบบนี้มีเหตุผลทางจิตใจหลายอย่าง เช่น รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรได้ของดี และพยายามกดดันความรู้สึกของตัวเอง พื้นฐานที่เรายอมรับความต้องการของตัวเองนั้นก่อนอื่นเราต้องมีความสามารถมากพอที่จะรับตัวเองได้

ตั้งแต่อดีตจนถึงยุคปัจจุบัน คนจีนไม่ค่อยชอบแสดงความต้องการของตนออกมา ซึ่งทำให้เราต้องเก็บความรู้สึกของตนไว้ในใจ

จำได้ว่าหลายปีก่อนเคยดูรายการสัมภาษณ์คุณโจว ซิงฉือ ผู้กำกับฮ่องกงชื่อดัง ซึ่งเขาทบทวนเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยเด็กว่า ตอนนั้นครอบครัวเขายากจน มีอยู่ครั้งหนึ่ง แม่พาเขาและพี่น้องหลายคนไปจ่ายตลาด เขาเห็นแผงขายของเล่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง และพบของเล่นที่ตนชอบมาก จึงอ้อนวอนขอกับแม่ แม่ไม่ยอมซื้อให้ เขาก็วิงวอนและร้องไห้ด้วย ท้ายที่สุดแม่ก็ตีโจว ซิงฉือที่ข้างถนนเลย และลากเขาออกจากแผงขายของเล่น เมื่อผู้กำกับชื่อดังคนนี้พูดถึงเรื่องราวในสมัยเด็กนั้น เขาหน้าตาเคร่งเครียด และพูดกับผู้ดำเนินรายการต่อว่า คุณแม่ไม่ซื้อให้ผมก็ไม่เป็นไร แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมกลับตีผมล่ะ

ซึ่งผู้กำกับโจว ซิงฉือตั้งคำถามนี้ขณะที่เขาอายุกว่า 50 ปีแล้ว แม้เรื่องนั้นผ่านไปหลายสิบปีแล้ว และเด็กชายที่เคยร้องขอของเล่นนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่และประสบความสำเร็จแล้ว แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้กับเรื่องนี้ เมื่อเราไม่เคารพความต้องการของตัวเอง ก็ย่อมไม่เคารพความต้องการของคนอื่นอย่างแน่นอน การกระทำของคุณแม่โจว ซิงฉือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับพ่อแม่ในยุคนั้น แม้ถึงทุกวันนี้ สภาพแบบนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่

(Yim/cici)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040