ปัจจุบันนี้ แผนของจีนที่จะสร้างทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างทวีป ที่เชื่อมต่อจีนกับยุโรปนั้น กำลังกลายเป็นจริงขึ้น และเข้าสู่ขั้นตอนของการปฏิบัติ ทางรถไฟสายนี้จะทำให้ย่นเวลาในการขนส่งสินค้าจากจีนไปยุโรจากเดิมที่ต้องใช้ 40-45วันให้เหลือเพียง 5 – 7 วัน ตามสภาพปกติ จะสามารถขนส่งสินค้าจากกรุงปักกิ่งถึงกรุงมอสโกภายในเวลา 2 วัน
องค์การการค้าโลกประกาศสถิติปรากฏว่า ปี 2015 ยอดการส่งออกของจีนเป็นเงิน 2.27 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในจำนวนนี้ 30% เป็นการส่งออกไปยุโรป ขณะนี้ สินค้าจีนที่ส่งออกไปยังยุโรปส่วนใหญ่ขนส่งทางเรือ ถ้าหากทางรถไฟความเร็วสูงสร้างแล้วเสร็จ สินค้าส่งออกสู่ยุโรปกว่าครึ่งหนึ่งจะขนส่งโดยผ่านทางรถไฟสาขารัสเซีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียมีรายได้จากการบริการขนส่งปีละ 136,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่การสร้างทางรถไฟความเร็วสูงนั้น ยังต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลจากจีนด้วย
ปัจจุบัน ท่าเรือที่มีสินค้าเข้าออกมากที่สุด 10 อันดับนั้น มี 6 แห่งอยู่ในประเทศจีน ขณะเดียวกัน จีนยังลงทุนก้อนใหญ่ในการจัดซื้อหรือพัฒนาท่าเรือสำคัญในต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทไชน่า คอสโค ชิปปิ้ง กรุ๊ป( China cosco shipping group) ลงทุน 368.5 ล้านยูโร ซื้อหุ้น 67% ของการท่าเรือปิเรอุส
เดือนตุลาคมปี 2015 ออสเตรเลียประกาศว่า กลุ่มบริษัทหลานเฉียวจีนลงทุน 506 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ได้รับสิทธิ์เช่าท่าเรือดาร์วินทางภาคเหนือของออสเตรเลียเป็นเวลา 99 ปี ซึ่งท่าเรือนี้ได้ชื่อว่า "ประตูสู่เอเชีย"
ตั้งแต่ปี 2007 จีนได้ลงทุนก่อสร้างท่าเรือกวาดาร์ (gwadar port) ในปากีสถาน แน่นอน จะมีสินค้าเข้าออกท่าเรือแห่งนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่ปี 2019 บริษัทที่รับเหมาก่อสร้างท่าเรือนี้ จะหันไปสร้างศูนย์คอนแทนเนอร์บนท่าเรือซิดนีย์ของชายฝั่งตะวันออกแคนาดา ซึ่งมียอดการลงทุนสูงถึงหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ
หนังสือพิมพ์ฮัฟฟิงตัน โพสต์ (Huffington Post) ของสหรัฐฯ ออกบทความหัวข้อ "เส้นทางสายไหมใหม่- โครงการยิ่งใหญ่ของจีนในแอฟริกา " โดยระบุว่า หลังจากการลงทุนมหาศาลและใช้เวลาหลายปี เส้นทางสายไหมทางทะเล - ยุทธศาสตร์การค้าทั่วโลกของจีนกำลังกลายเป็นจริงขึ้นในแอฟริกา โดยเฉพาะในบางส่วนของแอฟริกาตะวันออก จีนได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างเช่น ท่าเรือใหม่ในแทนซาเนีย ทางรถไฟในแคนยา สิ่งปลูกสร้างทางทหารในประเทศจิบูตี ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรมริมฝั่งคลองสุเอซอียิปต์ เป็นต้น ทั้งนี้ล้วนเป็นส่วนประกอบของเครือข่ายการค้าใหม่ที่ยิ่งใหญ่มหาศาลของจีน
นักวิเคราะห์เห็นว่า การที่จีนลงทุนมหาศาลในการซื้อท่าเรือทั่วโลก ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอภิมหาโปรเจ็กต์ "เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อริเริ่ม " 1 แถบ 1 เส้นทาง" ที่เสนอโดยกรุงปักกิ่ง โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียกลาง แอฟริกาและประเทศสหภาพยุโรป ปรับปรุงระบบการค้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อมวลชนรัสเซียออกบทความหัวข้อ "ยุโรป-เอเชียที่เป็นเอกภาพ เส้นทางสายไหมใหม่" โดยระบุว่า ข้อริเริ่ม " 1 แถบ 1 เส้นทาง" เป็นภาระกิจสำคัญของผู้นำจีนปัจจุบัน โดยเสนอให้สร้างยุโรปและเอเชียให้เป็นเขตที่เศรษฐกิจมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างเป็นเอกภาพ
(In/Lin)
