หนังสือพิมพ์เหรินหมินรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้กับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันข่าวกรองการทหารระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น การนี้ทำให้ชาวเกาหลีใต้ต่อต้านอย่างรุนแรงและทำให้สื่อเกาหลีใต้กังวลใจด้วย

สื่อเกาหลีใต้ระบุว่า ข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันข่าวกรองการทหารระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเป็นข้อตกลงการทหารฉบับแรกระหว่างสองประเทศหลังจากที่เกาหลีใต้พ้นจากการเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น แห่ลงข่าวแจ้งว่า เมื่อข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว เกาหลีใต้สามารถได้ข่าวกรองการทหารต่างๆ ของเกาหลีเหนือจากดาวเทียมสำรวจ 5 ดวงญี่ปุ่น เช่นฐานทัพเรือดำน้ำ และฐานทัพขีปนาวุธนำวิถี นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีระบบเรดาร์ถาคพื้นดิน 4 ระบบ เรือขับไล่ 6 ลำ และเครื่องบินเตือนภัย 17 ลำที่สามารถติดตามขีปนาวุธนำวิถีของเกาหลีเหนือ ส่วนญี่ปุ่นสามารถได้ข่าวกรองที่เกาหลีใต้ได้จากชาวเกาหลีเหนือที่หนีมายังเกาหลีใต้ ข่าวกรองที่ชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ ข่าวกรองที่ได้จากการดักฟัง และคลิปวิดีโอที่เครื่องบินลาดตระเวนเกาหลีใต้ได้มา

เมื่อปี 2012 เกาหลีใต้เคยพยายามลงนามข้อตกลงดังกล่าวกับญี่ปุ่น แต่เนื่องจากการดำเนินการผิดขั้นตอนจึงทำให้เกิดการพิพาทและไม่สามารถลงนามได้ หลายปีมานี้ รัฐบาลเกาหลีใต้แสดงจุดยืนว่าทางเกาหลีใต้ยังไม่พร้อมที่จะลงนามข้อตกลงดังกล่าวมาโดยตลอด แต่วันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้กลับประกาศฉุกเฉินว่าได้ฟื้นฟูการหารือเรื่องนี้กับญี่ปุ่น และกำลังเร่งขั้นตอนการลงนามอย่างเป็นทางการให้พร้อมทุกอย่าง ซึ่งจะใช้เวลา 27 วัน

ต่อการนี้ พรรคฝ่ายค้านต่างๆ ของเกาหลีใต้ประณามว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงขายชาติ ขณะที่ทางรัฐบาลนำโดยนางสาวปาร์ค กึน เฮ ก็เร่งอนุมัติฉุกเฉิน และกำลังพิจารณายื่นขอให้รัฐสภาถอนตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม

สื่อมวลชนเกาหลีใต้ระบุว่า รัฐบาลชินโซ อาเบะมีปัญหาในเรื่องทัศนะทางประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นขณะนี้มีกระแสฟื้นลัทธิทหาร การที่เกาหลีใต้กระชับความร่วมมือด้านการทหารกับญี่ปุ่นซึ่งอาจก่อสงครามนั้นจะส่งผลกระทบถึงความมั่นคงส่วนภูมิภาค

(In/cici)