ผู้สื่อข่าว CRI: ขออนุญาตท่านเล่าถึงนิคมอุตสาหกรรมว่าจะเชื่อมโยงถึง one belt one roadอย่างไร

คุณวิกรม: หลังจากภาพรวมทีเมื่อสักครู่เราพูดมาแล้วมามองภาพพูดส่วนตัว ผมด้วยความที่พูดภาษาจีนเป็นเพราะว่าไปโตอยู่ไต้หวัน ผมมองว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นอยู่ในนิคมเราก็คือว่าปัจจุบันนี้มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ประมาณ 1300 โรง ใน 1300 โรงมีโรงงานจีนอยู่ 90 โรงแล้วโรงงานจีนที่มาอยู่ในโซนอมตะประมาณ 100 โรงที่พูดถึงด้านนอกด้วย แล้วในนิคมอมตะฯเราก็ตั้งเลยเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมจีนอยู่ภายใต้อมตะ ซึ่งตรงนี้สิ่งที่ประสบความสำเร็จคือคนจีนมาอยู่ด้วยกันเป็นนิคมจีนที่อยู่ต่างประเทศที่โตเร็วที่สุดในโลกแล้วก็ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะว่าเรา-อมตะดูแลทุกอย่าง

เขาเรียกว่ามี all service คือบริการทุกอย่าง อยู่ที่นี่คนจีนเขาก็ไม่ต้องไปหาใครไม่ต้องไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนไม่ต้องไปหาสร้างความสัมพันธ์อะไรเลย คนจีนอยู่ในนี้สามารถคุยกับเจ้าหน้าที่ของเราได้แล้วเราดูแลให้เขาทุกอย่าง ฉะนั้นผลของการประสบความสำเร็จ ผมว่ากว่า 95% ของโรงงานจีนที่อยู่ในนิคมอมตะประสบความสำเร็จ คราวนี้เรากำลังคิดว่าจะสร้างเมืองอุตสาหกรรมจีนขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง โรงงานอุตสาหกรรมจีนจะใส่โรงงานจีนได้ 1000 กว่าโรง ผมเชื่อว่าถ้าเกิดโรงงานจีนเข้ามาอยู่ในอาเซียนซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลางของอาเซียน แล้วก็ใช้วัตถุดิบ ใช้แรงงาน ใช้สิทธิประโยชน์จากBOI แล้วใช้ FTA ในเขตการค้าเสรีเอาสินค้าของที่ทำโดยบริษัทจีนขายในอาเซียนแล้วก็ส่งออกไปในประเทศที่เรามี FTA เราก็จะได้สิทธิประโยชน์ ตรงนี้ผมเชื่อว่าเราน่าจะดูแล เราน่าที่จะช่วยเหลือคนจีนซึ่งเขาก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แล้วยิ่งพูดภาษาไทยก็ยิ่งยากใหญ่พวกคนเหล่านี้มาอยู่ที่เดียวกัน เพื่อตลาดของอาเซียน เราอยากจะสร้างศูนย์กลางการผลิตให้กับคนจีนในอาเซียน สร้างสำนักงานใหญ่ของคนจีนสำหรับค้าขายในประเทศไทยเพื่ออาเซียน

โดยนิคมฯใหม่ที่คุณวิกรมกำลังพูดถึงจะตั้งอยู่ในเมืองไทย แถวอีสเทรินซีบอร์ด จังหวัดปราจีนบุรี

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿

ภาพ: พันธสัญญา โชติธนพุทธิพงษ์