视频/泰国/采访邱威功/新书
|
ผู้สื่อข่าว CRI: ขอทราบคติประจำใจที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือการทำงาน
คุณวิกรม: ไม่มีอะไรดีกว่าการทำดี สิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้เพราะผมเห็นว่าการทำดีคือสิ่งที่ดีที่สุด ก็เลยเห็นว่าไม่มีอะไรดีกว่าการทำดี นึกง่ายๆ เห็นไหมแล้วมันจะตอบทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชีวิตเราต้องทำดี ในเรื่องการทำธุรกิจเราต้องยุติธรรมเราต้องไม่เอาเปรียบเขา
เราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ที่สุด สังคม อย่างที่ผมทำวันนี้ก็ทำในสิ่งที่ดีที่มีประโยชน์ต่อสังคม อันสุดท้ายการทำดีคือการทำบุญเวลาเราทำดีเราจะมีความสุขไม่ต้องไปวัด ไม่ต้องไปหาใคร เพราะว่าเรามีพระอยู่ในใจแล้วไง คือการทำดี การทำดีนี่คือสิ่งที่เป็นพระการทำดีคือความสุข การทำดีคือการทำบุญ ที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ก็มีแต่คิดแต่ดีๆทั้งนั้นเลย แล้วพอคิดแต่ดีๆเราก็นอนหลับสบาย ไปไหนก็ยิ้มเจอใครเขาก็ยกมือไหว้เราเพราะเราทำดี ความทำดีคือสิ่งที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจในทุกๆอย่างอะไรก็แล้วแต่ที่เราทำดีเราก็ยึดตรงนั้นเป็นหลักเราก็จะประสบความสำเร็จจอย่างแน่นอน
ทุกคนนะถ้าเราคิดว่าฉันจะทำดีอะไรก็ได้ที่เราเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดียุติธรรม ไม่เอาเปรียบเขา เราจะเป็นพ่อค้าเราก็ไม่เอาเปรียบเขา เราจะเป็นข้าราชการเราก็ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์โลกเราก็จะดี สงครามจะไม่เกิดขึ้นถ้าทุกคนคิดแต่เรื่องการทำดีผมว่ามันมีความหมายนะการทำแต่ความดี
ผู้สื่อข่าว CRI: คติมีอยู่ในหนังสือของท่านด้วยใช่ไหม
คุณวิกรม: ใช่ๆ ผมเขียนหนังสือมาทั้งหมดวันนี้ก็เล่มที่21ละแต่ขายไปแล้ว 20 เล่ม 20 เล่มนี้ขายไป7ล้านกว่าเล่มน่ะ
แล้วนี่ก็เมื่อเช้านี้ก่อนที่จะลงมาเพิ่งสรุปปกไป ชื่อเรื่องอะไรรู้ไหม ชื่อเรื่อง "คิดถึงแม่" เล่มสุดท้ายเนี่ย "คิดถึงแม่" ให้ดูเล่นๆเมื่อกี้เพิ่งสรุปจบไป จะออกเดือนพฤศจิกายนนี้แหละ ชื่อ "คิดถึงแม่" เธอเคยคิดถึงแม่บ้างไหม เธอไปคิดถึงตอนที่เขาตายไปแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ ใช่ไหม เดี๋ยวต้องเขียนภาษาจีนเขาไปด้วย ผมเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ทำมาหากินอะไรแล้วนะ ขายแต่หนังสือ เรื่องคิดถึงแม่ก็เอารูปแม่มาตั้งแต่แม่เด็กแม่สาวๆแม่แก่ เดี๋ยวต้องเขียนภาษาจีนเข้าไปด้วย
ผู้สื่อข่าว CRI: ต่อด้วยคิดถึงพ่อไหม
คุณวิกรม: ยัง เพราะแม่เนี่ยเรามีเรื่อง เพราะว่าตอนนั้นเราไม่ชอบแม่ เพราะว่าตอนเด็กๆเรามีอั่งเปา หงเปาอ่ะ 40บาทแล้วเอาเงิน 40 บาทไปฝากกับแม่ แล้วถึงเวลาไปเบิกกับแม่แม่ไม่ให้ เราก็จี้เหิ่น (โกรธฝังใจ)
ตอนนี้ 7-11 (ร้านสะดวกซื้อ) เราขายหนังสือไปให้เขาประมาณ 6 ล้านกว่าเล่ม เขาบอกให้ขาย 10 ล้านเล่ม นี่ก็เลยเขียน สนุกไง ฉะนั้นนี่ก็คือส่วนหนึ่งของการทำดี ขายเล่มละ 20 บาทเกือบ 200 หน้าแน่ะ
ผู้สื่อข่าว CRI: แล้วคนอ่านจะได้คิดถึงแม่
คุณวิกรม: เขาจะได้ดูแลแม่เขาตอนอยู่ไง ไปคิดถึงแม่ไปร้องไห้ไปเสียใจว่าแม่ตายไปแล้วไม่มีประโยชน์ เพราะเขาตายไปแล้วแต่ตอนที่เขายังอยู่ แม่ยังอยู่เราต้องคิดถึงแม่ แม่อยู่ต่างจังหวัด อย่างคนจีนเนี่ยแย่สุดเลย เพราะว่าทำไมเพราะว่าเขาต้องออกจากบ้าน เขาไปทำงานในเมือง เพราะฉะนั้นนคนจีนไม่ได้อยู่กับแม่
คนไทย ประเทศเรายังเล็กนะ คนจีนถือว่าแย่มากเพราะถือว่าเขาต้องออกจากบ้านเขา อยากจะสะท้อนเล่มนี้ผมอยากจะขายไปเมืองจีน อยากจะให้เด็กๆคนหนุ่มๆจีน อย่างน้อยๆนะตอนนี้มีวีแชท ดูหน้า พูดส่งเสียง ส่งภาพให้กับแม่ ให้กับพ่อให้กับครอบครัวตอนที่ตัวเองออกไปทำงานพ่อแม่ไม่มีความสุขใดๆนะจะบอกให้ ไม่ว่าพ่อแม่คนนั้นจะรวยพ่อแม่จะยิ่งใหญ่แค่ไหนถ้าเกิด ดีที่สุดมีความสุขที่สุดคือเห็นลูกกลับบ้าน ข้อหนึ่ง หรือถ้าไม่กลับก็ส่งเสียงมา คิดถึงบลาๆเป็นต้น แม่ก็ดีใจละอย่างน้อยได้ยินเสียง ยิ่งเปิดไลฟ์ดูกันแม่ก็ยิ่งมีความสุข ความสุขเหล่านั้นคือความสุขที่ลูกทำให้กับพ่อแม่ได้ แต่วันนี้มีลูกหลายๆคนลืมพ่อแม่เพราะเอาแต่ธุรกิจการงาน ฉะนั้นรวยแล้วพ่อแม่ก็ตายแล้วก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้มีเวลาสักหนึ่งนาทีส่งข้อความไปให้ นี่คือสิ่งที่ผมเขียนในหนังสือเล่มนี้
ผู้สื่อข่าว CRI: ตอนนี้21เล่มมีแปลเป็นภาษาจีนไปแล้วกี่เล่ม
คุณวิกรม: เล่มหนึ่ง อีกเล่มหนึ่งจะหาคน edit อยู่เล่มที่สองละ แล้วเล่มนี้ผมกำลังแปลเป็นภาษาจีนนะ
ที่สำคัญที่สุดที่ผมทำอันนี้นี่อ่ะนะ เพราะผมอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะคนเมืองจีน ลูกเนี่ยะมันเป็นเสี่ยวหวงตี้อ่ะ สี่คนถึงหกคนเนี่ยดูแลเขา เขาไม่รู้หรอกว่าความรักที่พ่อแม่ที่มีให้เขามันมีค่าขนาดไหน
วันนี้ผมเขียนหนังสือผมจะเป็นคนดี ผมอยากจะสอนเด็กโดยเฉพาะเด็กจีนที่มันเกเรว่ามันมีโชค(身在福中不知福) พวกนี้มันจะได้เข้าใจว่าเขามันมีบุญ อันที่สอง หนังสือเล่มนี้อยากจะให้เด็กจีนเด็กไทยเด็กทุกคนในโลกด้วยว่าต้องรักแม่ต้องคิดถึงแม่ในช่วงที่แม่เขามีชีวิตอยู่ เราจะไปเสียใจเราจะไปคิดถึงแม่เราจะไปทำบุญแล้วเผาอะไรต่ออะไรไปมันไม่ถึงแม่หรอก แต่วันนี้ตอนที่ถึงแม่แน่ๆคือตอนที่แม่ยังอยู่ เรานี่ส่งข้อความไปถึงแม่แน่ๆ โทรศัพท์ไปถึงแม่แน่ๆ ตายไปโทรศัพท์ไปก็ไม่ถึง เผาใบเงินใบทองไปก็ไม่ถึง ทำให้โลกร้อนเสียอีก
ผู้สื่อข่าว CRI: ควรจะให้เวลากับแม่
คุณวิกรม: ผมอยากจะบอกว่าไม่มีอะไรที่พ่อแม่มีความสุขเท่ากับลูกกลับไปหาเขาที่บ้าน ไปกินข้าวกับเขาไปนั่งคุยกับเขา ไปนอนกับเขา แล้วก็รักเขาไม่มีอะไรที่พ่อแม่มีความสุขเท่ากับลูกรักเขา ลูกไม่เข้าใจนะว่าความรักพ่อแม่มีค่ามากขนาดไหนตราบใดที่ลูกคนนั้นเองยังไม่มีลูก ยังไม่มีลูกยังไม่มีครอบครัวเขาจะไม่รู้ว่าพ่อแม่รักลูกมากขนาดไหน
จากบทสัมภาษณ์นี้ แฟนๆหนังสือของคุณวิกรมก็คงเตรียมหยอดกระปุกรออุดหนุนหนังสือเล่มใหม่ "คิดถึงแม่" ซึ่งในนั้นจะเล่าเรื่องราวที่น่าประทับใจและชวนให้ฉุกคิดถึงบุพการี ซึ้งกินใจแค่ไหน มารออ่านไปพร้อมๆกันปลายปีนี้ได้เลยค่ะ และเมื่อหนังสือถูกแปลเป็นภาษาจีน นักอ่านที่เมืองจีนก็คงจะได้มีโอกาสรับรู้ถึงความรู้สึก ความกตัญญูของคุณวิกรมที่มีต่อมารดาของเขาเช่นกันค่ะ
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿
ภาพ: พันธสัญญา โชติธนพุทธิพงษ์