จีนมีตลาดที่ใหญ่โต รัฐบาลจีนก็ใช้วิธีการ "ให้นักธุรกิจทดลองก่อน แล้วค่อยออกนโยบายกำกับดูแล" เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์ ระหว่างการนี้ ได้เกิดบริษัทยักษ์ใหญ่ทางอินเตอร์เน็ต อาทิ Baidu Alibaba และ Tencent ซึ่งบริษัทเหล่านี้กำลังขยายกิจการไปสู่ทั่วโลก ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาดิจิตอลของจีนยังมีศักยภาพใหญ่หลวง ขณะเดียวกัน จีนกำลังส่งออกเงินทุนดิจิตอล รูปแบบการพาณิชย์และเทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดิจิตอลของโลก

รายงานของบริษัท McKinsey & Company มีเนื้อหาสำคัญที่ระบุว่า จีนเป็นดินแดนแห่งธุรกิจสร้างสรรค์ด้านดิจิตอลและประเทศใหญ่ด้านการลงทุนเทคโนโลยีดิจิตอล โดยมีรายละเอียดหลายประการ อาทิ

หนึ่ง.จีนเป็นผู้นำอีคอมเมิร์ซและการจ่ายเงินดิจิตอลของโลก มีบริษัทยูนิคอร์น (Unicorn company) บริษัทสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่มีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ )

ช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา จีนได้ขยับขึ้นมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิตอลทั่วโลกในหลายด้าน ยกตัวอย่างด้านอีคอมเมิร์ซ เมื่อ 10 ปีก่อน ยอดการค้าอีคอมเมิร์ซของจีนยังไม่ถึง 1% ของโลก แต่จนถึงปัจจุบันเกินกว่า 40% ซึ่งมากกว่าตัวเลขโดยรวมของ 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและเยอรมนี การจ่ายเงินรูปดิจิตอลก็พัฒนาอย่ารวดเร็ว เมื่อปี 2016 การจ่ายเงินด้วยระบบเคลื่อนที่ของผุ้บริโภคจีนสูงถึง 790,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มากว่าสหรัฐฯ 11 เท่า ส่วนบริษัทยูนิคอร์นทั้งหมด 262 แห่งทั่วโลกนั้น มี 1 ใน 3 เป็นของจีน คิดเป็น 43% ของยอดสินทรัพย์โดยรวมของบริษัทเหล่านี้

สอง.จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการลงทุนมากที่สุดด้านเทคโนโลยีดิจิตอล

การลงทุนรูปแบบดิจิตอลและความคึกคักของนักธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ของจีนติดอันดับต้นๆ ของโลก เมือพิจารณาโดยรวมแล้ว กิจการด้านการร่วมทุนในธุรกิจ หรือ Venture Capital (VC) พัฒนาอย่างรวดร็วในจีน ยอดการลงทุนเพิ่มจาก 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ระหว่างปี 2011- 2013 มาเป็น 77,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ระหว่างปี 2014 – 2016 มีสัดส่วนมากขึ้นในโลกจาก 6% มาเป็น 19% ซึ่งเงินทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไหลไปยังบริษัทเทคโนโลยีดิจิตอลเช่น Big Data ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) และเทคโนโลยีการเงิน เป็นต้น