ในสมัยโบราณ ตามประเพณีจีน จะมีการแบ่งเวลาของหนึ่งปีตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศ เพื่อเป็นการชี้นำบอกเวลาการทำไร่ไถนาด้วย จึงทำให้จีนมี 24 เทศกาลตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งในช่วงปลายปีอย่างในเดือนพฤศจิกายนของแต่ละปีนั้น หากมิใช่วันที่ 22 ก็จะเป็นวันที่ 23 ที่ตรงกับเทศกาล "เสียวเสวี่ย" หรือ "หิมะเล็ก" หมายความว่าเป็นวันที่เริ่มมีหิมะตกแล้ว

ในวันที่ 22 หรือ 23 พฤศจิกายนของแต่ละปีนั้น ช่วงกลางวันของกรุงปักกิ่งจะมีเพียง 9 ชั่วโมง 49 นาทีเท่านั้น พระอาทิตย์ในตอนเที่ยงก็ไม่อาจขึ้นสูงอยู่ตรงศีรษะได้ด้วย ซึ่งเมื่อย่างเข้าสู่เทศกาลเสียวเสวี่ยแล้ว พื้นที่ในประเทศจีนส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจากลมหนาวที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดต่ำลง จนอาจต่ำกว่า 0 องศา แต่เนื่องจากอุณหภูมิเหนือพื้นดินยังไม่หนาวมาก ถึงแม้ว่าจะมีหิมะตก ส่วนใหญ่ก็จะลงไม่หนักมาก หรืออาจจะตกในตอนกลางคืน และละลายหายไปในตอนเช้า ซึ่งในช่วงเวลานี้ แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นลงแล้ว แต่ความร้อนของภาคพื้นดินยังมีอยู่บ้าง จึงทำให้ฟ้าดินไม่สมดุลกัน สิ่งมีชีวิตจะดำรงชีวิตอยู่ยาก แต่หลังจากนี้ไม่นาน ทั่วประเทศก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเหน็บแล้ว ซึ่งเมื่อพื้นที่ในด้านเหนือของแม่น้ำฮวงโห เริ่มมีหิมะตกก็เท่ากับส่งสัญญาณบอกกับผู้คนว่า ต้องใส่เสื้อกันหนาวอย่างจริงจังแล้ว

พอย่างเข้าเทศกาลเสียวเสวี่ย พื้นที่ต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มเข้าสู่สภาพอากาศที่คงที่แล้ว ซึ่งพื้นที่ในเขตไซบีเรียมักจะมีกระแสลมหนาวพัดลงมาทางตอนใต้ ทำให้ภาคตะวันออกของจีนเกิดอุณหภูมิลดต่ำลงอย่างมาก

ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ในช่วงเวลานี้ ดินในนาจะจับตัวแข็งมีระดับลึกประมาณ 10 เซนติเมตร และจะแข็งขึ้นเรื่อยๆ ประมาณวันละ 1 เซนติเมตร จนกระทั่งหนาถึงประมาณ 1 เมตรในช่วงหมดเทศกาลนี้ ชาวบ้านมีสำนวนว่า หากมีหิมะตกในเทศกาลเสียวเสวี่ย ย่อมจะมีการเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ในปีต่อไป เนื่องจากว่าดินจะเก็บกักน้ำไว้ได้มากพอสมควรจนไม่ตกอยู่ในสภาพแห้งแล้ง และความหนาวเหน็บจัดนี้ ก็เป็นผลดีที่จะช่วยฆ่าเชื้อและแมลงต่างๆ ในดินให้ลดน้อยลงด้วย อีกทั้งหิมะที่ทับถมอยู่หนานี้ ยังมีบทบาทเก็บกักความร้อนไว้ได้ด้วย และจะช่วยทำให้ปุ๋ยธรรมชาติในดินมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น

Yim/Ping