ประการที่ 2 ถ้าเผชิญกับเด็กที่มีกำลังมากกว่า หรือว่าแข็งแรงตัวโตมากกว่า ก็ให้วิ่งหนีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ครูของหมี่ตัวก็กล่าวกับคิตตี้ว่า ขณะที่หมี่ตัวเจอเด็กที่แข็งแรงโตกว่าเขา โกรธไม่พอใจเขา เขาก็มักจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน หรือใช้วิธีรีบเดินหนีห่างออกไป ถือเป็นการเอาตัวรอดที่ฉลาด
ประการที่ 3 ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ถ้าวิ่งหนีไม่ได้ ก็ให้ร้องเสียงดังขอความช่วยเหลือจากคนอื่น อย่างเช่น ร้องบอกครูหรือเพื่อนคนอื่นให้รู้ว่า อีกฝ่ายจะตีทำร้ายเรา ให้เพื่อนคนอื่นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งอย่าดูถูกเด็กที่มีอายุน้อย เพราะอาจให้ความช่วยเหลือ ได้ดีกว่าครูมาช่วยก็ได้
ประการที่ 4 ห่างจากเด็กที่ชอบตีคนอื่น
อย่าพูดกับลูกว่า ทุกคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งไม่ใช่ความจริง เพราะเด็กก็จะมีเพื่อนที่อยู่ด้วยกันอย่างสนิท และก็มีเด็กที่อยู่ด้วยกันไม่ค่อยเหมาะสมนิสัย สำหรับเด็กที่ชอบตีคนอื่น ก็สอนให้ลูกห่างจากเขาดีกว่า
ข้อเสนอเหล่านี้ต่างต้องการคุณพ่อคุณแม่และลูกเรียนรู้ปรับความเหมาะสมร่วมกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรู้จักให้กำลังใจกับลูกขณะเกิดการปะทะกับเด็กคนอื่น สอนให้รู้ถึงวิธีการอยู่กับเด็กอื่นที่ถูกต้อง จึงจะทำให้เด็กมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในระหว่างการติดต่อกับเด็กอื่นๆ
แล้วสุดท้าย อย่าลืมสอนให้ลูกรู้ว่า ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ภายใต้เงื่อนไขเบื้องต้นที่ต้องรู้จักป้องกันตัวเองแล้ว ถ้ามีคนอื่นตีคุณ คุณรู้สึกกลัวก็ควรไปขอความช่วยเหลือจากครูและคุณพ่อคุณแม่ และคุณสามารถรู้สึกไม่พอใจ ยังไม่ยอมรับการขอโทษจากอีกฝ่ายได้ หรือคุณก็สามารถไม่ชอบเล่นกับเด็กคนที่ตีคุณ แล้วไม่เล่นกับเขาอีกต่อไปได้ สามารถรู้สึกโกรธขณะถูกรังแกและโต้ตอบได้