วิธีที่น่าทดลองคือเข้าสู่ทางเลือกที่สาม ท้ายที่สุดคุณอาจจะเลือกหนุ่มที่มีความสมดุลของปัจจัยทั้งสองอย่าง

หลายครั้งที่เราตกอยู่ในภาวะสับสนคือเรามองเห็นถึงทางเลือกสองทางเท่านั้น มองข้ามทางเลือกอื่น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คุณมีทางเลือกที่สามหลายทาง เช่น หาคนที่มีความสมดุลได้ หรือหาคนรูปหล่อและมีศักยภาพในการพัฒนา

ฉะนั้น เมื่อเราอยู่ในภาวะสับสนของทางเลือกสองทางนั้น ลองพิจารณาว่ามีทางเลือกที่สามไหม จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ถูกต้อง

เหตุการณ์สมมุติที่3—มีหนุ่มสามคน คนหนึ่งรักกิจการงานแต่ไม่ค่อยดูแลบ้าน อีกคนหนึ่งรักชีวิตครอบครัวแต่ไม่ค่อยก้าวหน้าในการงาน หนุ่มสองคนนี้คุณจะเลือกยังไง

ปัญหาสำคัญในเรื่องดังกล่าว ไม่ใช่การเลือกแต่ต้องคิดดูว่าทางเลือกแบบนี้เป็นจริงหรือไม่ เพราะบางทีที่เราเลือกไม่ได้ไม่ใช่ว่าการเลือกยาก แต่เป็นเพราะเราพิจารณาทางเลือกต่างๆ ไม่ถูกต้อง

ยกตัวอย่างเช่น เรามักจะคิดว่าคนที่ให้ความสำคัญกับกิจการงานจะมองข้ามครอบครัว และคนที่รักชีวิตครอบครัวก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกิจการงานที่แท้เรื่องเหล่านี้เป็นอคติของเรา คนที่ทำกิจการได้ดีนั้นสามารถควบคุมเวลาของตน และดูแลครอบครัวตนได้ดีด้วย ฉะนั้นต้องดูให้ชัดเจนว่า คนที่รักกิจการงานคนนั้นไม่ดูแลครอบครัวจริงหรือไม่ และคนที่รักชีวิตครอบครัวมีแผนการกิจการการงานไหม แล้วค่อยเลือกอีกที

การไม่ทดสอบทางเลือกต่างๆ แต่เลือกตามความเข้าใจหรือความคิดของตน เป็นปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นในการเลือกของเรา ฉะนั้น ทุกครั้งที่มีน้องๆ นักศึกษาถามว่าควรเลือกอาชีพไหนดี ข้อเสนอของฉันก็คือลองไปฝึกงานที่คุณสนใจก่อน การฝึกงานเป็นกระบวนการทดสอบทางเลือกของเรา ก็เหมือนกับการซื้อรองเท้าเอง ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ว่าเลือกถูกหรือไม่

สรุปแล้วคือ ก่อนจะเลือก เช็คทางเลือกของคุณว่ามีจำนวนมากไปหรือไม่ และทางเลือกเหล่านี้มีสภาพที่เป็นจริงเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับที่คุณคาดคิดหรือไม่ จากนั้นค่อยตัดสินใจกัน