ซานย่า (三亚, Sanya) มณฑลไห่หนาน ทางภาคใต้ของจีนตั้งอยู่บริเวณละติจูดที่ 18 องศาเหนือ (北纬18度) ซึ่งเป็นเขตร้อน ด้วยระบบนิเวศและทิวทัศน์ริมทะเลเขตร้อนที่มีมนต์เสน่ห์ ซานย่ากลายเป็นเมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจระดับโลก ซึ่งในจีนมีอยู่เพียงไม่กี่เมืองเท่านั้น และเมื่อเดือนเมษายนปี 2018 ที่ผ่านมา จีนประกาศมาตรการเปิดเสรีสำหรับมณฑลไห่หนานมากขึ้น โดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจาก 59 ประเทศ เดินทางมาท่องเที่ยวที่มณฑลไห่หนานโดยไม่ต้องมีวีซ่าได้เป็นระยะเวลา 30 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังซานย่ามากขึ้น
ผู้มาเที่ยวที่ซานย่ามักจะใช้เวลา 3-6 วัน ส่วนผู้ที่เคยมาแล้วยังอยากจะกลับมาอีก เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายสิบแห่ง และมีเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น เส้นทางการท่องเที่ยวชนบทเขตร้อน ซึ่งประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลายแหล่ง ทั้งอุทยานข้าวอ่าวไห่ถาง (National Park of Rice, Haitang Bay) การแสดงกลางแจ้งเรื่อง "วิถีชีวิตของชาวนาแสนสุข" (Merry Rural Lives) หุบเขากุหลาบนานาชาติอ่าวย่าหลง (Rose Valley) และหมู่บ้านจงเลี่ยว (中廖村, Zhongliao Village) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทที่สวย น่าเที่ยว และช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร
1. อุทยานข้าวอ่าวไห่ถาง (National Park of Rice, Haitang Bay)
อุทยานข้าวแห่งนี้ห่างจากชายฝั่งทะเลเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นอุทยานริมอ่าวไห่ถาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวชนบทระดับสากลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองซานย่า ตั้งขึ้นตามแนวคิดสร้างความเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่ชนบท
อุทยานข้าวแห่งนี้มียอดการลงทุนทั้งหมด 2,300 ล้านหยวน โครงการระยะแรกมีพื้นที่ 2,800 หมู่ หรือ 1,166 ไร่ โดยมีพื้นที่การเพาะปลูกข้าว 2,100 หมู่ หรือ 875 ไร่ รอบๆ เป็นชุมชนเผ่าหลี มี 5 หมู่บ้าน 207 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 2,700 คน แต่ก่อนประกอบอาชีพปลูกข้าว มะม่วง ผัก และหมาก เป็นหลัก รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ เป็ด และหมู คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่จะไปทำงานรับจ้างต่างดิน
ตั้งแต่ดำเนินโครงการอุทยานข้าวเป็นต้นมา ชาวบ้านส่วนหนึ่งหันมาทำงานด้านการท่องเที่ยว ทำให้มีงานทำที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องอพยพไปต่างถิ่น และมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก ปี 2017 รายได้เฉลี่ยต่อคนของชาวบ้านอยู่ที่ 15,298 หยวน หรือประมาณ 76,000 บาท
อุทยานแห่งนี้มีการเปิดภัตตาคารกลางทุ่งนา สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ ผู้สื่อข่าวไทย และอีกหลายสิบประเทศมีโอกาสรับประทานอาหารค่ำที่นี่ เป็นอาหารชาวนา มีโจ๊กข้าวฟ่าง มันนึ่ง เผือกนึ่ง ข้าวโพด เป็ด ห่าน จัดแบบบุฟเฟ่ต์ ตั้งโต๊ะกลางนา เวลารับประทานไปพลางจะได้ยินเสียงเขียดร้องดังๆ สลับกับความเงียบสงัด นอกจากนี้ต้องระวังยุงด้วย
หลังรับประทานอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว ก็ต่อรถของอุทยานฯ ไปชมการแสดงกลางแจ้งเรื่อง "วิถีชีวิตของชาวนาแสนสุข" (田野狂欢, Merry Rural Lives) ระหว่างทางจะผ่านสวนไดโนเสาร์ ซึ่งเป็นสวนที่จัดแสดงซากโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่พบในประเทศจีนแห่งแรกของโลก ทั้งหมด 323 โครงกระดูก รวมทั้งหมด 277 สายพันธุ์ แสดงด้วยระบบแสงสีเสียงที่ทันสมัย เหมาะกับเด็กและผู้ปกครองมาก ผู้ปกครองบางคนรีบถ่ายภาพส่งให้ลูกที่บ้านชมทันที
การแสดงกลางแจ้งเรื่อง "วิถีชีวิตของชาวนาแสนสุข" นั้น เริ่มเวลา 20.00 น. ถือฟ้าเป็นม่าน ภูเขาเป็นวิว ทุ่งนาเป็นเวที เล่าเรื่องราวของชาวนาในรอบ 1 ปี ประเด็นหลักคือ "อาหารการกิน" นักแสดงมีทั้งหมด 300 คน การแสดงชุดนี้ดูเป็นแบบชาวบ้าน หรือเป็นแบบชาวนามาก ต่างกับการแสดงที่เคยดูมาในเมือง ให้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง
2. หุบเขากุหลาบนานาชาติอ่าวย่าหลง (Rose Valley)
หุบกุหลาบนานาชาติอ่าวย่าหลงเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวชนบทแห่งใหม่ของเมืองซานย่า มีพื้นที่ 2,755 หมู่ หรือประมาณ 1,160 ไร่ ชูประเด็น "แหล่งรวมกุหลาบแห่งซานย่าอันแสนโรแมนติก" มีการปลูกกุหลาบนานาพันธุ์ ทั้งพันธุ์ต่างชาติ หลากหลายสี ที่เด่นที่สุดคือ เป็นการปลูกกลางแจ้ง ไม่ใช่การปลูกในร่ม นอกจากเป็นแหล่งชมทุ่งดอกกุหลาบที่น่าเที่ยวน่าชมแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าด้วย อย่างดอกกุหลาบสดจะส่งไปจำหน่ายยังตลาดที่นครเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ทั้งจะนำไปผึ่งแดด หรือ อบแห้ง นำไปปรุงเป็นขนมไส้ดอกกุหลาบ และทำเป็นเครื่องสำอาง เช่น แผ่นมาสก์หน้า เป็นต้น
หุบเขากุหลาบแห่งนี้ชูวัฒนธรรมกุหลาบและแนวโรแมนติก ปี 2012 เคยจัด "เทศกาลกุหลาบนานาชาติครั้งแรกเมืองซานย่า" ที่นี่ ช่วยยกระดับของเกาะไห่หนานให้เป็น "เกาะฮันนีมูนระดับโลก" จึงมีคู่บ่าวสาวนิยมมาถ่ายภาพมงคลสมรส และมาจัดงานเลี้ยงมงคลสมรสกันที่นี่ เพื่อความรักที่หวานชื่น มั่นคงและถาวรดั่งกุหลาบบานไม่รู้โรย
ผู้สื่อข่าวได้ชมผลิตภัณฑ์จากกุหลาบ ตั้งแต่การคัดเลือก การตัดกิ่งก้าน ไปจนถึงการห่อบรรจุภัณฑ์เป็นช่อๆ ช่อหนึ่ง 12 ดอก เมื่อถามเขาว่าจะส่งไปจำหน่ายที่ไหน เขาตอบว่ารุ่นนี้จะส่งไปจำหน่ายที่ฮ่องกง
พนักงานในหุบเขากุหลาบนานาชาติอ่าวย่าหลงส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในท้องถิ่น และเป็นชนเผ่าหลี แต่เดิมประกอบอาชีพทำนา ขณะนี้มาทำงานในหุบเขากุหลาบใกล้บ้าน โดยไม่ต้องออกไปทำงานในต่างถิ่น
สำหรับบัตรเข้าชมนั้น ไม่แพง ราคา 88 หยวนต่อคน หรือ 440 บาทต่อคน เที่ยวได้ 2-3 ชั่วโมง และมีสิ่งของให้เลือกชื้อเพื่อเป็นของฝากด้วย เช่น ขนมไส้กุหลาบ ชากุหลาบ แยมกุหลาบ เครื่องดื่มที่ทำจากกุหลาบ และเครื่องสำอางที่ทำจากกุหลาบ
กล่าวได้ว่า หุบเขากุหลาบนานาชาติอ่าวย่าหลงเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันแสนโรแมนติกที่ผสานกลิ่นไอของวิถีชาวบ้านในเขตร้อน โดยเมื่อวันที่ 9 เมษายนปี 2013 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเคยมาตรวจงานที่นี่ ทำให้หุบเขากุหลาบแห่งนี้มีชื่อเสียงมากขึ้นและมีนักท่องเที่ยวแห่กันมาตามรอยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่นี่อย่างล้นหลาม
3. หมู่บ้านจงเลี่ยว (中廖村, Zhongliao Village)
หมู่บ้านจงเลี่ยวเป็นหมู่บ้านชนเผ่าหลี อีกหมู่บ้านหนึ่งแสนสวยและเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจในเมืองซานย่า ภายในมีพื้นที่ทำการเพาะปลูกข้าว ผัก และผลไม้ นักท่องเที่ยวสามารถทอดน่องบนคันนาที่เลี้ยวลด รับประทานอาหารสไตล์ชาวนา จิบกาแฟ ดื่มน้ำมะพร้าวสดใต้ต้นมะพร้าวที่เขียวขจี ชมการแสดงพื้นบ้านชนเผ่าหลี หรือเข้าพักที่หมู่บ้านได้
เล่ากันว่า หมู่บ้านจงเลี่ยวไม่โค่นต้นไม้ รักษาน้ำใสสะอาดและภูเขาเขียว จนได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านแสนสวยและเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจระดับชาติเมื่อปี 2016
นอกจากนี้ ที่เมืองซานซ่ายังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจมาก เช่น อุทยานป่าไม้สวรรค์เขตร้อนอ่าวย่าหลง (Yalong Bay Torpical Paradise Forest Tourism Zone) ที่มีทั้งป่าไม้ พันธุ์ไม้เขตร้อน ผาชัน โรมแรมสวยหรู และยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง If You Are the One 2 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของชาวท้องถิ่น
เวลานี้ ซานย่ากำลังปรับปรุงกิจการท่องเที่ยวและภาคการบริการให้ได้มาตรฐานและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยสภาพภูมิอากาศเขตร้อนที่ตั้งอยู่บริเวณละติจูดที่ 18 องศาเหนือ อาหารการกินที่เอร็ดอร่อย โรงแรมที่พักที่อยู่ใกล้หาดทราย ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายมาแล้วก็อยากจะกลับมาอีก สมกับชื่อที่ว่าสวรรค์เขตร้อน แหล่งท่องเที่ยวริมทะเลยอดฮิตของจีน
(TIM/LING)