วันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา นายแกรี่ ล็อก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศจีนคนใหม่ได้เดินทางเข้ามารับตำแหน่งที่กรุงปักกิ่งเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวจากทำเนียบขาวว่าประธานาธิบดีบารัก โอบามา เสนอชื่ออดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมลรัฐวอชิงตัน 2 สมัยซ้อน จากพรรคเดโมแครต และรัฐมนตรีพาณิชย์ในรัฐบาลของตนเอง ให้มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศจีนแทนนายจอน ฮันต์สแมน ที่ลาออกเพื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับตัวเขาในปี 2012 ที่จะถึงนี้ ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เพราะว่าแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลโอบามาในนโยบายต่อประเทศจีน เพราะว่านายแกรี่ ล็อก เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน
เขาเป็นทายาทคนรุ่นที่ 3 ของตระกูลในอเมริกา โดยปู่ของเขาเดินทางมายังแผ่นดินใหม่แห่งนี้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน มาทำงานในฐานะคนรับใช้ เพื่อแลกกับการได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ ส่วนพ่อของเขาก็ตามมาสมทบและเปิดร้านชำเล็กๆ ซึ่งแกรี่ ล็อกก็เกิดมาโดยที่ไม่เหลือความเป็นคนจีนอีกแล้ว
แต่ตอนนี้เขาต้องมายืนอยู่บนสองฝั่งแห่งความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขและความเป็นเชื้อชาติบ้านเกิดที่ฝั่งแน่นอยู่ในหัวใจ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทั้งนักวิชาการด้านการต่างประเทศ สื่อมวลชนแขนงต่างๆ รวมถึงนานาชาติพากับจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะว่าเป็นการปรับเปลี่ยนเกมการเมืองของโลกที่ยักษ์ใหญ่แห่งโลกตะวันตกกำลังแสดงท่าทีที่ต่างออกไป
บ้างก็ว่านี่เป็นนิมิตหมายที่ดีต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศและโลก เพราะแกรี่ ล็อก น่าจะเชื่อมความเป็นอเมริกันและจีนที่ผสมอยู่ในสายเลือดของเขาเพื่อทำให้บทบาทของทั้งสองประเทศที่ไม่ค่อยมั่นคงนักมาหลายปีกลับคือสภาพที่ดี หรือแม้กระทั่งก้าวต่อไปสู่รูปแบบใหม่ที่ดีขึ้น
บ้างก็ว่าไม่น่าจะแตกต่างกัน เพราะว่ายังไง แกรี่ ล็อก ก็เป็นชาวอเมริกันขนานแท้ พูดไม่ได้แม้กระทั่งภาษาจีน มีแต่เพียงใบหน้าเท่านั้นที่ดูเป็นจีน และสิ่งที่เขาจะต้องทำอันดับแรกก็คือ พิทักษ์ผลประโยชน์ของอเมริกา
แต่ แกรี่ ล็อก เองก็ได้ฉายแววความเป็นนักการทูตที่เก่งทีเดียว เพราะหลังจากมีประกาศอย่างแน่นอนแล้วว่าเขาจะได้มาดำรงตำแหน่งสำคัญนี้ที่ปักกิ่ง เขาก็บอกทันทีว่า "พร้อมที่จะเรียนภาษาจีน"
ซึ่งประโยคนี้ของเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นแต่เพียงคำหอมที่เขาหว่านให้รัฐบาลทั้งสองประเทศ คนจีนฟังแล้วก็รู้สึกว่าชาวอเมริกันเชื้อสายจีนคนนี้น่ารัก ไม่ลืมรากเหง้า และน่าจะยอมรับเขาได้ง่ายขึ้น ส่วนฝ่ายสหรัฐฯ ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะทำหน้าที่สำคัญนี้จริงๆ
ในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่สหรัฐฯ โดยมีนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นสักขีพยาน และโมนา ล็อก ภรรยาของเขา ยืนถือคัมภีร์ไบเบิลอันศักดิ์สิทธิ์ให้เขาแตะขณะกล่าวนั้น แกรี่ ล็อก กล่าวว่า "ในฐานะที่เด็กชายชาวจีนโพ้นทะเลที่เติบโตขึ้นในรัฐวอชิงตัน จนได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของอเมริกา แผ่นดินเกิดของผม และมีโอกาสได้สร้างคุณค่าให้กับประเทศเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันเหนือสิ่งอื่นใด และเชื่อมั่นว่าการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นความสำคัญอย่างยิ่งยวด ไม่เพียงเฉพาะสองประเทศนี้เท่านั้น แต่ยังดีต่อทั้งประชาคมโลกด้วย"
ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน กล่าวว่า "การที่แกรี่ไปปักกิ่งในครั้งนี้ เป็นห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยงานสารพัดสำหรับเราที่ต้องจัดการ แต่ฉันก็รู้ว่าแกรี่พร้อมที่จะทำงานยากลำบากและท้าทายมากมายที่รออยู่"
และบอกว่าการส่งแกรี่ ล็อก ไปครั้งนี้เป็นการทดลองในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศครั้งสำคัญ
เพราะอะไรหรือ
นั่นก็เพราะความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศคลอนแคลนมาโดยตลอด ทั้งกรณีการขายอาวุธให้ไต้หวัน การโจมตีจีนเรื่องสิทธิมนุษยชน ปัญหาเกาหลีเหนือ ปัญหาการก้าวก่ายกิจการในประเทศของจีนโดยทูตคนเก่าที่บังเอิญไปปราฏฎตัวในสถานที่ที่กำลังจะมีการชุมนุมประท้วง และในปีนี้ยังเกิดปัญหาในทะเลจีนใต้ อีกทั้งการที่นายโอบามาอนุญาตให้ดาไลลามะเข้าพบที่ทำเนียบอีก ไม่นับรวมการทำสงครามเย็นกันมายาวนานระหว่างทั้งสองประเทศ และปัญหาเรื่องการค้าต่อกันที่สหรัฐฯ ขาดดุลกับจีนจำนวนมาก โดยฝ่ายอเมริกาโจมตีว่าเกิดจากค่าเงินหยวนที่อ่อนเกินไป ซึ่งคาดว่าเรื่องนี้ยังจะไม่ได้รับการแก้ไขใดๆ อีกนาน เพราะเศรษฐกิจของอเมริกาหรือวิกฤตแฮมเบอเกอร์น่าจะยังคงเป็นเนื้อร้ายเกาะกินอยู่อีกกว่า 10 ปี เพราะแค่ปัญหาการเพิ่มเพดานเงินชำระหนี้ก็ยังแก้ไขให้ลุล้วงไม่ได้ ขณะที่เศรษฐกิจจีนกลับพุ่งสวนทางไปในทางที่รุ่งโรจน์ซึ่งคาดว่าจะไม่หยุดขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีก 10 ปี
ซึ่งประเด็นหลังนี้ดูเหมือนว่าแกรี่ ล็อก จะถูกส่งมาจัดการโดยแท้จริง เพราะช่วงที่เขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐวอชิงตันถึง 2 สมัยนั้น เขาได้ทำให้ยอดการค้าของรัฐวอชิงตันกับจีนมีมูลค่าสูงถึงปีละ 5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ อีกถึงผลงานด้านเศรษฐกิจขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์อีกมากมาย จึงไม่แปลกที่ทั้งวุฒิสมาชิกและบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหลายจะพร้อมใจยกมือให้เขาดำรงตำแหน่งนี้
นอกจากนี้ ในปี 2012 ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้น แน่นอนว่าโอบามาต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อคะแนนเสียงของเขาในอนาคต ทั้งการแก้เศรษฐกิจภายในประเทศ จัดการคนว่างงาน กู้ความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจกลับมา และยังมีการเมืองนอกประเทศที่เขาพยายามสะสางเพื่อเรียกคะแนนจากคนอเมริกันล่วงหน้า เช่น การทำตามสัญญาการลดจำนวนทหารในสมรภูมิต่างๆ ที่ประธานาธิบดีคนก่อนๆ เคยก่อไว้ การจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย การรักษาผลประโยชน์ในด้านต่างๆ ของชาวอเมริกันที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งมีเค้าว่าช่วงประมาณเกือบ 1 ปีที่เหลือนี้ รัฐบาลโอบามาน่าจะมุ่งเน้นมาทางการพยายามรักษาผลประโยชน์ของตนในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างกรณีการเข้ามาเป็นพี่ใหญ่ของสองประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีข้อพิพาทกับจีนในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ เพราะอเมริกาลงทุนมากมายในหลายประเทศแถบนี้ และพยายามเข้ามายุ่งเรื่องน่านน้ำ เพราะเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า เรื่องนี้เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเอกอัครราชทูตคนใหม่ ไม่ได้มาอยู่สบายแน่ เพราะต้องมีปัญหามากมายรอท่าอยู่
ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยซินหวาให้สัมภาษณ์ว่า "การส่งแกรี่ ล็อก มาทำหน้าที่สำคัญนี้ เป็นการแสดงออกถึงความจริงใจของโอบามาในการักษาความสัมพันธ์กับจีน และแสดงให้เห็นว่าโอบามาให้คุณค่าแก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างสูงยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมแต่งตั้งคนที่มีความสามารถสูงที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีพาณิชย์มาก่อน มารับตำแหน่งนี้"
แต่อาจารย์ท่านนี้ก็ตบท้ายว่า "แม้เขาจะมีรากเป็นคนจีน แต่เขาย่อมต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของอเมริกา"
ส่วนชาวอินเตอร์เน็ตของจีนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ใบหน้าแบบจีนคงไม่ได้ทำให้หัวใจอเมริกันของเขาเปลี่ยนไป และมีคนพูดติดตลกว่า รัฐบาลจีนน่าจะส่งชาวอเมริกันเชื้อสายจีนไปประจำที่สหรัฐอเมริกาบ้าง น่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้ดีทีเดียว
แม้แกรี่ ล็อก ดูเหมือนจะลงล็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นในระหว่างความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะปลดล็อกได้จริง
แต่ดีกรีของเขาก็ไม่ธรรมดา เพราะมีสถิติความเป็นที่หนึ่งอยู่หลายประการ อาทิ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนคนแรกที่ได้มาดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศจีน
ดังนั้น เอกอัครราชทูตอเมริกาเชื้อสายจีนวัย 61 ปีคนนี้ จึงถูกจับตามองจากทั่วโลกว่าเขาจะสร้างสถิติแรกสุดขึ้นได้อีกหรือไม่
ซึ่งก็ไม่แน่ว่า เขาอาจจะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนคนแรกที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่ทั่วโลกต่างทราบกันดีว่ายืนอยู่คนละฝั่งมาโดยตลอด กลับมาสนิทชิดเชื้อกันได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็เป็นได้
TON