เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม เว็บไซต์ข่าว "เอบีเอส-ซีบีเอ็น" ของฟิลิปปินส์รายงานว่า นายเอดวิน ลาเซียร์ดา โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ฟิลิปปินส์ไม่ได้ทำในสิ่งที่ทำให้เหตุหมู่เกาะหวงเหยียน หรือสการ์โบโรห์ รุนแรงยิ่งขึ้น ฟิลิปปินส์หวังจะเจรจาด้วยวิถีทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมด คำกล่าวของนายเอดวิน ลาเซียร์ดาเป็นคำตอบสำหรับคำประณามของนางฟู่หยิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ว่า "ฟิลิปปินส์มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหตุการณ์ขยายวงกว้างขึ้นและซับซ้อนยิ่งขึ้น

รัฐบาลและสื่อมวลชนฟิลิปปนส์มีคำกล่าวขัดกันหลายครั้งแล้ว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ทหารฟิลิปปินส์กล่าวว่า บริเวณหมู่เกาะหวงเหยียนมีเรือจีนเพิ่มขึ้นถึง 33 ลำจาก 14 ลำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงเรือตรวจการประมงหมายเลข 310 เรือกำกับทางทะเลหมายเลข 75 และเรือประมง 7 ลำ ตลอดจนเรือเร็ว 23 ลำ ซึ่งอยู่ที่ทะเลสาบของหมู่เกาะหวงเหยียน แต่บริเวณดังกล่าวมีเรือฟิลิปปินส์เพีอง 2 ลำ ขณะที่เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม หนังสือพิมพ์ "วอลล์ สตรีท เดลี่" ของสหรัฐฯ รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายราวล์ เฮอร์นันเดจ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ปัจจุบัน จีนมีเรือ 4 ลำและเรือประมง 8 ลำในบริเวณดังกล่าว ส่วนนายเอดวิน ลาเซียร์ดา ยืนยันเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมว่า เรือจีนมีเพียง 11 ลำ น้อยกว่าจำนวนที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก และเรือฟิลิปปินส์มี 7 ลำ

นอกจากนี้ เว็บไซต์ข่าว จีเอ็มเอ รายงานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมว่า นายวอลแตร์ กาซมิน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรายงานว่า สหรัฐฯ ให้คำมั่นสัญญาจะปกป้องฟิลิปปินส์จากการโจมตีที่บริเวณทะเลจีนใต้ นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และนายลีออน พาเนตตา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้คำมั่นสัญญาว่า ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ จะปฏิบัติตาม "สนธิสัญญาป้องกันร่วมระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ" ปี 1951

นักวิเคราะห์ระบุว่า ด้านหนึ่ง ฟิลิปปินส์เน้นแก้เหตุหมู่เกาะหวงเหยียนโดยสันติวิธี และอีกด้านหนึ่ง ก่อเหตุยั่วยุเป็นประจำ จนกระทั่งมีการชุมนุมต่อต้านจีน ซึ่งเป็นการทำลายความสัมพันธ์ของสองประเทศ

In/Chu