ภาพข้อมูล: นายซุนมูกัม จายากูมาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายซุนมูกัม จายากูมาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ และนายจอร์จ เยียว อดีตรัฐมนต่างประเทศสิงคโปร์ ต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาทะเลจีนใต้ว่า ข้อพิพาทเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือดินแดนทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศไม่ใช่ทั้งหมดของความสัมพันธ์จีน-อาเซียน อาเซียนควรหลีกเลี่ยงการปะทะทางการเมืองที่เกิดจากข้อพิพาทอธิปไตยเหนือดินแดนโดยดึงมหาประเทศอย่างจีนและสหรัฐอเมริกาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอันหนังสือพิมพ์ เดอะ สเตรทส์ ไทมส์ ของสิงคโปร์ รายงานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมนี้ว่า นายซุนมูกัม จายากูมาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ระบุว่า ข้อพิพาทเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือดินแดนทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศไม่ใช่ทั้งหมดของความสัมพันธ์จีน-อาเซียน แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่งทั้งสองฝ่ายเท่านั้น นายซุนมูกัม จายากูมาร์ย้ำว่า การเพิ่มความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียน โดยเฉพาะความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองฝ่าย สอดคล้องกับผลประโยชน์ของจีนกับอาเซียน จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอาเซียน ขณะเดียวกัน อาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับที่ 3 ของจีน ไม่ว่าสำหรับอาเซียนหรือสำหรับจีน การรักษาและเพิ่มความร่วมมือจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกัน และสอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
หนังสือพิมพ์เนชั่นของไทยรายงานเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมนี้ว่า นายจอร์จ เยียว อดีตรัฐมนต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวปาฐกถาในที่ประชุมสโมสรธุรกิจอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ผู้นำทางธุรกิจของอาเซียนควรสามัคคีกันและมุ่งแสดงความได้เปรียบของภูมิภาคอาเซียน เลี่ยงการปะทะทางการเมืองอันเกิดจากข้อพิพาทอธิปไตยเหนือดินแดนโดยดึงมหาประเทศอย่างจีนและสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
นายจอร์จ เยียวระบุว่า ผู้นำอาเซียนไม่ควรให้กระทบถึงผลประโยชน์ของกันและกัน เขาระบุว่า ทุกประเทศควรรวมตัวกันจึงจะสามารถเพิ่มกำลังต่อรองของอาเซียนกับมหาประเทศ "ประเทศอาเซียนมีข้อขัดแย้งกันก็จริง แต่ถ้าเราไม่สามัคคีกัน ก็จะไม่มีทางที่จะเจรจากับจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ" นายจอร์จ เยียวยังระบุด้วยว่า การไม่ปรองดองกับอาเซียนจะไม่ตรงกับผลประโยชน์ของจีน เพราะหลังวิกฤตการเงินปี 1997 จีนมุ่งลงนามข้อตกลงการค้ากับอาเซียนมาโดยตลอด ในทำนองเดียวกัน การแตกแยกของอาเซียนก็ไม่ตรงกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เช่นกัน "หากสหรัฐฯ ทำเช่นนั้นก็จะยิ่งเป็นการเปิดทางให้จีนเป็นแกนนำของภูมิภาคนี้เท่านั้น"
(IN/LING)