เมื่อเร็วนี้ หนังสือพิมพ์ The Russia Business Consulting Daily ออกบทความในหัวข้อ "เหตุใดปี 2013 จะกลายเป็นปีแห่งจีน" โดยระบุว่า สัญลักษณ์ของจีนในปี 2012 คือการถ่ายโอนอำนาจรัฐ คาดว่ากลุ่มผู้นำจีนใหม่จะรักษาหลักการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างต่อเนื่อง และออกสัญญาการปฏิรูปเศรษฐกิจรอบใหม่ ภายใต้เบื้องหลังที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอความเร็วการพัฒนา และวิกฤตหนี้ของยุโรปยังคงแก้ไขไม่ตก จีนก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะกลายเป็นหัวรถจักรใหม่ของเศรษฐกิจโลก
ปัจจุบัน วิกฤตการเงินยังคงครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก แต่รัฐบาลจีนไม่ได้ทำผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่จะเกิดผลร้ายแรงเหมือนกับสหรัฐฯ ตัวเลขการคลังก็ไม่สูง สิ่งที่ส่งผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน คือ ความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศตะวันตก ซึ่งตลาดของยุโรปและสหรัฐฯ มักจะเกิดปัญหายุ่งยากต่างๆ อาทิ ลัทธิกีดกันทางการค้า ทำให้การส่งออกสู่ยุโรปและสหรัฐฯ ของจีนมีความลำบากยิ่งขึ้น
แต่รัฐบาลจีนได้หาทิศทางใหม่ นั่นคือผลักดันการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียอย่างแข็งขัน นักวิเคราะห์ของธนาคารเอชเอสบีซี( HSBC)มีสถิติปรากฏว่า นโยบายนี้ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบัน การส่งออกของเกาหลีใต้ต่อจีนคิดเป็น 12% ของจีดีพีในประเทศเกาหลีใ้ต้ ส่วนเมื่อปี 2010 ตัวเลขนี้เป็นเพียง 3.5% เท่านั้น ส่วนมาเลเซียและสิงคโปร์ก็ได้เพิ่มการส่งออกต่อจีนมากขึ้น นอกจากนั้น ออสเตรเลีย ชิลี คาซัคสถาน และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบ ก็ได้เพิ่มการค้ากับจีน และจีนยังได้ขยายมิตรทางเศรษฐกิจในแอฟริกาอย่างไม่ขาดสายด้วย
จีนควรดำเนินการปฏิรูปเป็นระยะยาว นี่เป็นเรื่องที่มิต้องสงสัย ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวรอยเตอร์เผยว่า รัฐบาลกลางของจีนสั่งให้หน่วยงานวิจัยระดับสุดยอดบางแห่ง ให้วางแผนการปฏิรูป โดยมีความคิดสำคัญที่จะลดบทบาทในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลให้น้อยลง ปัจจุบัน จีนมีรัฐวิสาหกิจกว่า 100,000 แห่ง วิสาหกิจเหล่านี้สามารถได้รับเงินกู้พิเศษ และได้ข้อสัญญาจากรัฐบาลง่ายกว่า ซึ่งการนี้คงขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจเอกชน จึงมีเสียงเรียกร้องให้ยกเลิกสิทธิพิเศษหลายประการของรัฐวิสาหกิจ ลดบทบาทของรัฐบาลในการปล่อยเงินกู้
นายหรง จื้ออาน นักเศรษฐศาสตร์ของสหรัฐฯ เห็นว่า ถ้าหากกลุ่มผู้นำจีนใหม่มีแนวคิดการพัฒนาใหม่ที่ว่า "เศรษฐกิจสีเขียว เป็นมิตรกับภาวะนิเวศ" ให้ความสำคัญต่อพลังงานหมุนเวียน ดำเนินการปฏิรูปที่ลงลึกสู่รากฐาน ก็ย่อมทำให้เศรษฐกิจจีนจะเข้าสู่สมัยการเติบโตยุคใหม่ นโยบายสินเชื่อและการคลังที่แข้งขันจะส่งเสริมการลงทุนเพื่ออุตสาหกรรมการผลิต และแผ้วทางการเติบโตอยา่งรวดเร็วและรอบด้านแก่ประเทศ ถ้าหากปักกิ่งเลือกหนทางนี้ ก็คงแซงหน้ากรุงวอชิงตัน และกลายเป็นผู้นำใหม่ของเศรษฐกิจโลก
(Yim/Lin)