เมื่อเผชิญกับการที่ค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มสูงขึ้น มีผู้คนจำนวนไม่น้อยยอมเปลี่ยนวิธีการเดินทาง นางสาวหวัง ชาวปักกิ่งคนหนึ่งบอกว่า เวลาช่วงเช้าที่ไปทำงานและช่วงเย็นที่ทยอยกันกลับบ้าน เป็นช่วงที่มีผู้เดินทางจำนวนมากที่สุดและเกิดการจราจรติดขัดอย่างร้ายแรงในทุกวัน ตามมาตรการใหม่ การนั่งแท๊กซี่ในช่วงเหล่านี้ต้องจ่ายค่าเสียเวลาจำนวนมาก ไม่คุ้ม ไปนั่งรถไฟใต้ดินดีกว่า ทั้งๆที่มีคนหนาแน่นเหมือนกัน แต่สามารถประหยัดทั้งเงินและเวลาได้
ต่อการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท๊กซี่ครั้งนี้ มีการอภิปรายกันอย่างคึกคัก มีผู้คนจำนวนหนึ่งแสดงท่าทีว่า คนขับทำงานหนัก การเพิ่มค่าแท๊กซี่ให้สูงขึ้นนั้นเป็นมาตรการที่ถูกต้อง โดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละวันคนขับแท๊กซี่ต้องเสียค่าน้ำมัน 150 หยวน ค่าอาหาร 20 หยวน บวกกับค่าเช่ารถ ทุกวันต้องเสียประมาณ 400 หยวนก่อน ส่วนเหลือจึงเป็นกำไรได้ หากวันใดหาเงินไม่ได้ถึง 400 หยวนก็นับว่าขาดทุนแล้ว ขณะที่ค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นทุกปี กำไรของคนขับรถแท๊กซี่ก็ถูกบีบน้อยลงเรื่อยๆ การปรับเพิ่มค่าโดยสารให้สูงขึ้นนั้น จะมีส่วนช่วยต่อการเพิ่มความกระตือรือร้นของคนขับในการทำงาน จึงเป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาเรียกแท๊กซี่ยากที่กรุงปักกิ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สนับสนุนการเพิ่มราคาโดยสารรถแท๊กซี่ให้สูงขึ้น โดยแสดงความเห็นว่า คนขับแท๊กซี่ทำงานหนักก็จริง แต่ผู้โดยสารก็ไม่ใช่หาเงินได้ง่ายนะ โดยเฉลี่ยแล้ว คนขับรถแท๊กซี่ที่กรุงปักกิ่งสร้างรายได้ถึง 10,000 หยวน หักค่าเช่ารถและค่าน้ำมันแล้ว ยังได้กำไรอย่างน้อย 4,000-5,000 หยวนต่อเดือน ซึ่งเป็นรายได้ระดับปานกลางของชาวปักกิ่งแล้ว ทั้งๆที่ทำงานหนัก แต่ราคาโดยสารรถแท๊กซี่ของปักกิ่งในปัจจุบันนับว่าสูงสุดทั่วประเทศแล้ว หากเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
มองในอีกด้านหนึ่ง ปัจจุบัน อัตราการวิ่งรถเปล่าที่ปักกิ่งมีถึงประมาณ 40% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนขับจำนวนไม่น้อยไม่ได้ใจร้อนที่จะหาเงินเพื่อเสียค่าเช่า หากเป็นการคัดเลือกผู้โดยสารอยู่ มีผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยถูกคนขับปฏิเสธเนื่องจากเป้าหมายการเดินทางไม่โดนใจคนขับ
เมื่อกล่าวถึงการถูกคนขับแท๊กซี่ปฏิเสธ ผู้คนที่ปักกิ่งจำนวนไม่น้อยคงต้องมีประสบการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่า ในบางกรณี คนขับแท๊กซี่มีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ เช่น ต้องเลิกงานกลับบ้านแล้ว เป็นต้น แต่ก็มีคนขับจำนวนหนึ่งเลือกงานที่ถูกใจอย่างเดียว ถ้าเป้าหมายที่ผู้โดยสารจะไปห่างไกลจากตัวเมืองหรือหนทางวิ่งยาก คนขับแท๊กซี่บางคนก็จะไม่ไป หากต้องไปหรือผ่านเขตที่เกิดจราจรติดขัด คนขับบางคนก็อาจปฏิเสธไม่รับเหมือนกัน ถ้าเจออากาศไม่ดี เช่น ฝนตกหรือหิมะตกหนัก บางคนยอมหยุดงานชั่วคราว ทั้งนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาเรียกแท๊กซี่ยากในปักกิ่ง
ส่วนการแก้ปัญหาเรียกแท๊กซี่ยากนั้น ควรอาศัยการปรับขึ้นค่าโดยสารหรือไม่นั้น วงการต่างๆมีความเห็นไม่ตรงกัน ผู้คนกลุ่มหนึ่งเห็นว่า ปักกิ่งมีรถยนต์เต็มถนนแล้ว ไม่สามารถเพิ่มรถแท๊กซี่ได้อีก มีแต่เพิ่มราคาโดยสาร จะทำให้ผู้โดยสารแท๊กซี่ลดน้อยลง ปัญหาดังกล่าวจึงจะผ่อนคลายลงได้
แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย โดยแสดงความคิดเห็นว่า ขณะที่เศรษฐกิจสังคมพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ความต้องการต่างๆย่อมจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนผู้ที่ต้องการใช้รถแท๊กซี่ในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งนี้ไม่มีหวังจะลดน้อยลงได้ หากคิดจะยับยั้งความต้องการโดยอาศัยการเพิ่มราคานั้น ก็แสดงว่ากิจการนี้กำลังเกิดการผูกขาด ควรสร้างกลไกการแข่งขันอย่างเต็มที่ จึงสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเหมาะสมได้