วันที่ 18 ธันวาคมนี้ สหประชาชาติออกรายงานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2014 และอนาคต รายงานฉบับนี้คาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในสองปีข้างหน้าจะดีขึ้นตามลำดับ โดยปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะโต 3% และในปี 2015 จะโต 3.3% สำหรับปีนี้ จะโตเพียง 2.12% เท่านั้น

ดร.หง ผิงฝาง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจโลกแห่งสหประชาชาติกล่าวใน โอกาสเปิดตัวรายงานฉบับดังกล่าวว่า ปี2013 เป็นปีที่เศรษฐกิจโลกเติบโตช้ามาก อัตราเติบโตต่ำกว่าที่องค์กรต่างๆคาดการณ์ไว้ ซึ่งรวมทั้งศูนย์วิจัยเศรษฐกิจโลกแห่งสหประชาชาติด้วย อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นว่า ปัจจัยหลายๆ อย่างได้รับการปรับปรุงดีขึ้นแล้ว ซึ่งจะกลายเป็นแรงหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้าได้ เขาจึงคาดว่า ปีหน้า เศรษฐกิจจะโต 3% ซึ่งนับเป็นการเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับอัตราเติบโตในปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 2.1%

ด้านนายซามแสด อาคฮ์ตาร์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สหประชาชาติ (Shamshad Akhtar) ที่ร่วมการเผยแพร่รายงานฉบับนี้กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้แรงหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจปีนี้มีไม่เพียงพอคือ เศรษฐกิจของประเทศสหภาพยุโรป และสหรัฐฯยังคงตกอยู่ในภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วกำลังปรับตัวดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ สหประชาชาติจึงมีการคาดการณ์ทางบวกต่อภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงสองปีข้างหน้า เขายังกล่าวว่า ขณะนี้ เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังพ้นจากภาวะถดถอย เศรษฐกิจสหรัฐและญี่ปุ่นกำลังกระเตื้องขึ้น ส่วนเศรษฐกิจประเทศก็กำลังพัฒนากำลังฟื้นฟูขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์ของสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ ซึ่งประกอบด้วยบราซิล จีน อินเดีย และรัสเซียอาจมีภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในอนาคต กล่าวคือ เศรษฐกิจจีนจะเติบโตขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่บางประเทศอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายอย่าง เช่น ความต้องการของภายนอกลดลง และเงินทุนไหลออกนอกประเทศ ทั้งนี้ทำให้ประเทศเหล่านี้ต้องเผชิญอับอุปสรรคต่างๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และยังมีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงด้วย

ดร.หง ผิงฝาง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจโลกแห่งสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ช่วงหลายปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้มากที่การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะอยู่ที่ 7.5% ส่วนอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียใต้ในปัจจุบันอยู่ที่จุดต่ำสุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียในปี 2014 จะฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ 5%

(YIN/cai )