เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ แล้ว ราคาตั๋วรถไฟใต้ดินของปักกิ่งถูกมาก ทั้งนี้ต้องพึ่งการชดเชยจากรัฐบาล เมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา เทศบาลปักกิ่งให้เงินชดเชยการขนส่งมวลชนสาธารณะ 1.5 ล้านหยวน ปี 2012 เพิ่มเป็น 1.7 ล้านหยวน และคาดว่าปี 2013 จะต้องเพิ่มเป็น 1.8 ล้านหยวน
บางคนคิดว่า ราคารถไฟใต้ดินที่ถูกเกินไปเป็นโศกนาฏกรรมของสาธารณะสมบัติ คือหากเป็นสาธารณะสมบัติ ก็จะถูกใช้มากเกินไป โศกนาฏกรรมของสาธารณะสมบัติมีลักษณะพิเศษ 2 ข้อ คือเป็นของฟรี และใช้ร่วมกัน รถไฟใต้ดินในกรุงปักกิ่งก็มีลักษณะเดียวกันคือ ราคาถูกจนถือได้ว่าเป็นของฟรี จึงทำให้ผู้คนใช้รถไฟใต้ดินมากเกินควร
ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ค่าบริการสาธารณะที่เหมาะสมควรมากกว่าต้นทุนนิดหน่อย แต่ราคารถไฟใต้ดินปักกิ่งต่ำกว่าต้นทุนอย่างมาก พร้อมไปกับการเปิดเส้นทางรถไฟใต้ดินสายใหม่ๆ มีผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงต้องเพิ่มค่าชดเชยมากขึ้นตามไปด้วย ถ้ามองในแง่ระยะยาวแล้ว ก็คงรับไม่ไหว
ทางผู้คนที่คัดค้านการปรับขึ้นราคาตั๋วก็เสนอความคิดเห็นของตนผ่านเว็บไซต์ว่า ในกรุงปักกิ่งนี่ ซื้อรถก็ไม่ได้ เพราะจำกัดโควตาป้ายทะเบียนรถ แก๊สน้ำมันปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ รถไฟใต้ดินก็แออัดมาก จะทำให้ผู้คนขี่จักรยานจากบ้านวงแหวน 5 ทางตะวันตกไปทำงานในออฟฟิศวงแหวน 5 ทางตะวันออกหรือ ราคาบ้าน และค่าเช่าบ้านที่พุ่งสูงขึ้นก็ทำให้ผู้คนไม่อาจย้ายบ้านได้
ยังมีคนเห็นว่า วัยรุ่นในปักกิ่งส่วนใหญ่ซื้อบ้านนอกวงแหวน 4 สำหรับพวกเขาแล้ว โดยสารรถไฟใต้ดินไปทำงานทั้งถูกและสะดวก หากคิดราคาเพิ่มในช่วงเร่งด่วน หรือคิดตามระยะทางโดยสารก็จะส่งผลกระทบแก่คนเหล่านี้อย่างมาก เพราะแม้จะปรับขึ้นราคา พวกเขาก็ต้องไปทำงานตามเวลาเหมือนเดิม
บางคนเห็นว่า การโดยสารรถไฟใต้ดินไปทำงาน ขาไปและกลับเสีย 4 หยวน ถ้าต้องต่อรถเมล์อีก ต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มมากขึ้น รวมกับค่าเช่าบ้าน และค่าอาหารที่สูง ค่าครองชีพในปักกิ่งสูงกว่าเมืองอื่นๆ ในจีนอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ไม่ควรมองแต่ราคาตั๋วรถไฟใต้ดินที่ถูก ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ รวมกัน
ตามสถิติ ปี 2012 ที่ผ่านมา ประชากรที่อาศัยอยู่ในปักกิ่งเป็นประจำมี 21 ล้านคน เมื่อประชากรปักกิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การลดแรงกดดันของการขนส่งสาธารณะได้อย่างไรจึงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ทุกวันนี้ รถไฟใต้ดินในปักกิ่งมีระยะทาง 456 กิโลเมตร 270 สถานี ขนส่งผู้โดยสารวันละ 10 ล้านคน การปรับขึ้นราคาตั๋วรถไฟใต้ดินปักกิ่งถูกพูดถึงบ่อยๆ ในช่วงหลายปีมานี้ การออกหนังสือเวียนครั้งนี้ถือว่าเป็นการกำหนดอย่างชัดเจนว่าจะปรับขึ้นราคาแน่ๆ แต่จะคิดราคาตามป้าย หรือคิดเพิ่มในช่วงเวลาเร่งด่วนก่อนเข้าทำงาน และหลังเลิกงานนั้นยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองอีก