โจ๊ก อาหารที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย โจ๊กหมู ซึ่งเราจะคุ้นกับหมูสับที่เขาสับหรือใช้เครื่องบดจนหมูละเอียดแล้วปรุงด้วยเครื่องปรุงพวกรากผักชี พริกไทย กระเทียม เกลือ ไข่นวดจนเนื้อหมูเด้ง ยิ่งเด้งยิ่งอร่อย นอกจากนั้นยังมีพวกเครื่องในหมู ไข่ หอม ผักชี ขิงซอย ต้องการหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ก็เติมน้ำตาล น้ำส้มพริกซอย ซีอิ้ว พริกป่นตามชอบ แถมบางร้านยังมีปาท่องโก๋ หมี่ทอดเอาไว้บริการลูกค้า จะสั่งโจ๊ก ตับไม่ตับ ไข่ไม่ไข่ ในไม่ใน ผักไม่ผัก อันนี้เป็นโจ๊กในบ้านเราเมืองไทยที่ขายกันโดยทั่วไป ถ้าหากเป็นโจ๊กฮ่องกงในบ้านเราหน้าตาก็อาจต่างไปบ้างเล็กน้อยเท่าที่พอจำได้ก็จะ มีพวกไข่เยี่ยวม้า ไส้กรอก
เสาร์ที่ผ่านมา อากาศในปักกิ่งหนาวจนมือชา ตอนกลางวัน – 8 องศา ถุงมือธรรมดาเอาไม่อยู่ต้องค้นถุงมือหนังออกมาใช้งาน กลุ่มเพื่อนในปักกิ่งก็เลยชวนกันไปหาอะไรทานเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ครุ่นคิดกันอยู่นาน ในที่สุดเราตัดสินใจไปกินโจ๊กที่ร้านอาหารเจิ้นจึเว้ยก่างซื่อโจ้วหัวกัว ซึ่งอยู่ที่ชุมชนซินหยวนซีหลี่ ร้านนี้เป็นร้านอาหารฮ่องกง เป็นร้านขนาดเล็กที่มีเพียง 8 โต๊ะ แต่รสชาติอาหารไม่ธรรมดา ทำให้ลูกค้ารู้จัก แม้ที่ตั้งจะอยู่ในชุมชนแต่คนก็มา
โต๊ะทุกโต๊ะจะมีเตาแบบโต๊ะสุกี้ เขามีโจ๊กและเครื่องปรุงอื่น ๆ ให้เราเลือกสั่งได้อย่างจุใจ เนื้อสัตว์มีทั้งเนื้อวัว หมู เป็ด ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา พวกผักก็สารพัด เราสั่งฟองเต้าหู้ทอดกรอบ หนังปลาทอด หมูสับ กุ้งบด ปลาบก เยื่อไผ่ ผักกาดขาว แห้วจีน ลูกชิ้นกุ้งทอด เห็ดชนิดต่าง ๆ ทั้งเห็ดหูหนู เข็มทอง แชมปิยอง เห็ดโคนญี่ปุ่น หัวไชเท้า ปลาท่องโก๋ พนักงานเสิร์ฟจัดการนำโจ๊กซึ่งใส่ในกะละมังหม้อดินขนาดเขื่องตั้งบนเตาจัดการเปิดไฟ ในหม้อโจ๊กมีเห็ดหอม 1 ดอก และขิงซอยมีน้ำขลุกคลิกพอโจ๊กเริ่มเดือดเขาก็เอาน้ำซุปมาเติม รอจนเดือดดีแล้วพวกเราทยอยใส่สิ่งต่าง ๆ ลงไปต้มในหม้อโจ๊ก กินไปคุยไป ในที่สุดความอุ่นจัดก็เข้ามาแทนที่ ต้องจัดการถอดเสื้อกันหนาวออก สมใจที่ได้ไล่ความหนาวออกไปชั่วคราวด้วยอาหารอุ่นอร่อยเนียนลิ้นอย่างโจ๊กฮ่องกงของร้านนี้ เป็นธรรมเนียมพอเริ่มลงมือทาน เราจะก้มหน้าก้มตาทานกันเพราะตอนนั้นบ่ายแก่ ๆ หิวตาลายกันแล้ว ต้องบอกว่า ร้านนี้อร่อยทุกอย่าง หนังปลาทอด ลูกชิ้นปลาทอด ต้องสั่งเบิ้ลแล้วเบิ้ลอีก ปาท่องโก๋ของเขาก็เนื้อแน่นกรอบนอกนุ่มใน ส่วนที่พวกเราคิดว่าอะเมซซิ่งมาก ๆ คือแห้วจีนเวลาใส่ไปต้มกับโจ๊กมันทำให้โจ๊กยิ่งมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน ทางร้านพยายามเติมน้ำซุปให้ตลอดเวลา เราถามหาเกลือและพริกไทย เขาก็จัดให้ แต่ไม่มีพวกเครื่องปรุงอื่น ๆ แบบโจ๊กที่บ้านเรา เมื่อแต่ละคนพุงกางจนต้องนั่งตัวตรง โจ๊กยังคงเหลืออีกตั้งครึ่งหม้อ เกือบจะร้องขอให้เขาต่าเปา เอากลับบ้านซะแล้ว เผอิญมีนัดไปซื้อของต่อถ้าเผื่อจะหอบไปด้วยเกรงจะทุลักทุเลพะรุงพะลังเกินไป ต้องตัดใจแบบตาละห้อย
แล้วก็เป็นธรรมดาว่าหนังท้องตึงหนังตามันก็หย่อน ขั้นตอนต่อไปจึงต้องเป็นร้านกาแฟ คนจีนก็เหมือนคนไทยที่นับวันมีความนิยมชมชอบกาแฟสดกันมากยิ่งขึ้น ร้านขายกาแฟในปักกิ่งส่วนใหญ่แต่งร้านซะเท่ห์ด้วยไม้ เข้าไปแล้วมันได้บรรยากาศจริง ๆ เราเลือกร้านกาแฟยอดฮิตม่าน คาเฟย ( MAAN COFFEE )ซึ่งเป็นร้านกาแฟสัญชาติเกาหลีใต้ ไปถึงแล้วต้องรอคิวแม้ร้านจะเป็นร้านใหญ่มีโต๊ะนับร้อยแต่คนก็แน่นร้าน สังเกตดูมีทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่เด็กที่พ่อแม่พามาด้วย ร้านนี้ก็เหมือนร้านกาแฟส่วนใหญ่ในสมัยนี้ตรงที่ไม่ได้ขายแต่กาแฟอย่างเดียวยังขายเครื่องดื่มและอาหารการกินอย่างอื่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้มากขึ้น เวลาสั่งและจ่ายเงินแล้วเขาจะมีตุ๊กตาสีต่าง ๆ ให้ลูกค้าถือไว้ เมื่อพนักงานเสิร์ฟมาเสิร์ฟอาหารครบแล้วก็จะเก็บเจ้าตุ๊กตานั้นกลับคืนไป ความฮอตของร้านดูได้จากตุ๊กตามอมแมมมาก ๆ มันคงถูกจับมาเป็นพันมือแล้ว
กาแฟอร่อย ชาก็หอม ส่วนพวกวาฟเฟิลและเค้กที่เราสั่งกันมา 3 จานใหญ่ ก็อร่อยถูกใจ ไม่หวาน พากันฟาดซะเรียบ ยังแปลกใจว่าอิ่มแปล้มาจากโจ๊กแล้วทำไมยังกินได้มากมายขนาดนี้ แต่บางคนก็ให้เหตุผลแบบเข้าข้างตัวเองว่าโจ๊กน่ะมันย่อยง่าย หรืออีกรายที่บอกว่าไม่เป็นไร มื้อเย็นไม่กินก็ได้
ก่อนจากกันเพื่อนถามว่าดิฉันชอบโจ๊กและกาแฟที่ทานวันนี้ไหม ดิฉันบอกว่าชอบมาก ๆ เพราะได้สารอาหารที่หลากหลายครบถ้วน กินโจ๊กอย่างเดียวก็พอ จะกลับไปลองทำกินเองที่บ้านก็เลยนัดกันว่าคราวหน้าเวลาเพื่อนกลุ่มนี้มาที่บ้าน จะลองทำโจ๊กฮ่องกงให้พวกเขารับประทานแทนอาหารไทยสักมื้อ แต่จะอร่อยได้ดั่งใจหรือไม่....ไม่มั่นใจจริง ๆ ส่วนกาแฟ วาฟเฟิลและเค้กต่าง ๆ นั้นก็อร่อยแต่ค้อนข้างแพง กินบ่อย ๆ คงไม่ไหว เพื่อนคนหนึ่งที่ถนัดการทำวาฟเฟิลกับเค้กก็เลยขันอาสา คราวหน้าเขาจะมาสอนดิฉันทำที่บ้าน กาแฟสดเราก็มี......งั้นดีเลย คราวหน้าพวกเราทุกคนจะเป็นหนูทดลองยา มาให้ครบทุกคน ห้ามขาด มิเช่นนั้น อาจไม่ได้เป็นหนู คริคริ.