5 ปีที่แล้ว ตอนดิฉันมาทำงานที่ซีอาร์ไอใหม่ ๆ ไปเช่าบ้านที่ชุมชนหยวนหยางซันซุ่ย ชุมชนขนาดใหญ่ที่มีคอนโดสูงระฟ้าหลายหลัง ข้างล่างคอนโดที่ดิฉันเช่ามีหัวผู่ซุเปอร์มาเก็ตแบรนด์จีนที่ลงไปเดินเมื่อไหร่ก็มีผู้คนมาซื้อของแน่นตลอดเวลา สินค้าหลากหลายวางเต็มพื้นที่ที่มีอยู่ ช่องจ่ายเงินนับ 10 ช่อง มีคิวยาวเหยียด ยามว่างดิฉันลงไปเดินเล่นที่นี่ทุกวัน จนบรรดาพนักงานคุ้นเคย ขณะที่เดินก็นึกในใจว่า ทำไมร้านนี้ขายดีจังทั้ง ๆ ที่ของก็ราคาไม่ถูก พวกผักผลไม้ก็ดูไม่สดใหม่เท่าที่ควร เมื่อเทียบกับตลาดผักผลไม้ที่อยู่คนละฝั่งถนนกันแล้ว ราคาห่างกันไกล คุณภาพของผักผลไม้ที่ตลาดสดก็สดแจ๋วกว่ากันเยอะ แต่เออ ทำไมคนนิยมมาซื้อที่ซุเปอร์แห่งนี้ พอถามเพื่อน ๆ คนจีน เขาบอกว่า ซื้อของที่ซุเปอร์ฯมั่นใจได้มากกว่า ดิฉันก็แย้งว่า หลายครั้งที่ดิฉันเห็นทางซุเปอร์ฯเอาของยี่ห้อเดี่ยวกับที่ตลาดสดขายมาแบ่งใส่ถุงและติดตราซุเปอร์ฯเข้าไป ราคาก็พุ่งขึ้นมาอีกเยอะ อย่างว่า มีเวลาลงไปเดินทุกวันบางทีวันละหลายรอบก็เลยเห็นพฤติกรรมแบบนี้
หย่งฮุย
หลังจากนั้นสองปี คาร์ฟูร์(คนจีนเรียกเจีย เล่อ ฝู)ร้านค้าปลีกข้ามชาติมาเปิดสาขาที่ห้างวั่นต๋า ห่างจากที่พักไม่มาก ปรากฏว่า วันแรกที่เปิดขายเขาแจกคูปอง 5 หยวนคนแห่ไปซื้อของแน่นขนัดจนเหยียบกันตาย จนร้านต้องปิดไป 1 เดือน แล้วค่อยเปิดใหม่ ช่วงที่คาร์ฟูร์มาเปิดคนที่ซื้อของที่หัวผู่บางตาลงมาก จากนั้นไม่ถึงปีก็มีซุเปอร์มาเก็ตแบรนด์จีน ชื่อหย่งฮุย มาเปิดห่างจากคาร์ฟูร์ 3 ป้านรถเมล์ คนที่คาร์ฟูร์ที่เคยแน่นก็ลดลง คนไหลไปซื้อของที่หย่งฮุย ซุเปอร์มาเก็ตของคนจีน นัยว่า เจ้าของเป็นคนกวางตุ้ง แและหย่งฮุยก็เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วด้วย ของที่หย่งฮุยขาย สดใหม่กว่า ราคาถูกกว่า ที่สำคัญมีผักผลไม้หลากหลายชนิดและคุณภาพดี ผู้ซื้อสามารถเลือกได้เต็มที่ เขาจะเอาของใหม่มาเทให้เลือกตลอด สะใจคนซื้อจริง ๆ ลูกค้าที่นี่แน่นทุกวันทุกเวลา ส่วนที่หัวผู่ ลูกค้าบางตาถึงขั้นวังเวง สินค้าที่เคยวางเต็มพื้นที่ ค่อย ๆ มีพื้นที่ว่าง
ทางร้านเองก็พยายามปรับเปลี่ยน แต่ดูแล้วยังไง ๆ ก็คงไม่สามารถเรียกลูกค้าให้กลับมาแน่นเหมือน 5 ปีที่แล้วได้
คาร์ฟูร์
คาร์ฟูร์และหัวผู่ต่างเป็นซุเปอร์มาเก็ตที่มาเช่าตึกเปิดค้าขาย ขณะที่หย่งฮุยได้เช่าที่ดินประมาณ 10 ไร่ สร้างอาคารขนาด 2 ชั้นเปิดทำการค้า หลายคนวิเคราะห์ว่า เพราะค่าเช่าถูกกว่าจึงทำให้สามารถลดราคาได้มากกว่า
คาร์ฟูร์และหย่งฮุย ทำให้ซุเปอร์มาเก็ตขนาดกลางและเล็กในรัศมี 5 กิโลเมตร ต้องล้มหายตายจากไปไม่น้อย ที่ยังอยู่ก็ต้องปรับกลยุทธ์กันใหม่ อย่างโซ่ว ฮาง ซุเปอร์มาเก็ตที่มีสาขาอยู่ทั่วทุกหัวระแหง เหมือนเซเว่นอีเลฟเว่นบ้านเรา ตอนแรกที่ 2 ซุเปอร์ยักษ์นั้นมาเปิด ก็เหงาไปเยอะ แต่เขาไม่ยอมแพ้ ใช้กลยุทธ์ลดราคาในช่วงเช้าตรู่ทันทีที่เปิดร้าน นำสินค้าสดใหม่ทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม วันละประมาณ 3-5 อย่างมาลดราคาพิเศษที่หน้าร้าน ทำเป็นประจำทุกวัน จนชาวบ้านรู้ว่า ช่วงเช้าอยากได้ของดีราคาพิเศษต้องมายืนรอตอนเปิดร้าน ส่วนภายในร้านก็จัดพื้นที่ขายผักสดผลไม้ เนื้อสัตว์ใหม่ มีของสดใหม่มาวางทุกวัน ในราคาถูกกว่า เรียกคนให้เข้ามาแน่นร้าน เลือกสินค้ากันสนุกสนาน แล้วรอเข้าคิวจ่ายเงินยาวเหยียด สังเกตุดูส่วนใหญ่เป็นคนกลางคนถึงผู้สูงวัย
หัวผู่
ขณะที่หย่งฮุยและคาร์ฟูร์ก็ใช้กลยุทธ์เรียกคนแต่เช้าตรู่ ก่อนเปิดขายจะมีผู้คนไปป้วนเปี้ยนรออยู่จำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นคนวัยห้าสิบอัพ พอร้านเปิดก็กรูไปที่แผนกสินค้าที่ตนต้องการ ทั้งคาร์ฟูร์และหย่งฮุยจะใช้วิธีลดราคาพิเศษในช่วงเช้าด้วย ทำให้เรียกลูกค้าได้แน่นทั้งแต่เช้าโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยที่ไม่ได้ทำงานอะไรแล้วจะมาเลือกของกันอย่างสนุกสนาน เลือกถั่วลิสง เม็ดบัวทีละเม็ด เรียกว่าเฟ้นแล้วเฟ้นอีก ทางร้านเขาก็จัดให้ เอาใจลูกค้า ทำให้ลูกค้าสนุกสนานกับการจับจ่าย
เมื่อซุเปอร์แข่งกันเดือด ร้านขายผักผลไม้ของพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปก็ต้องปรับตัว เฟ้นหาของดีมาขาย แล้วยังต้องแข่งกันที่ราคาและบริการ เจ้าของร้านคนไหนฉลาดเจรจา ทักทายลูกค้าก่อน มีลดมีแถมบ้าง ก็มักจะครองใจลูกค้า ให้กลายเป็นขาประจำได้โดยง่าย
ร้านขายผักผลไม้แบบรถเข็น หรือประเภทที่ใช้จักรยานต่อท้ายเป็นแผงไม้เพื่อเป็นที่วางผักผลไม้ นับวันยิ่งมีมาก ข้อดีคือพวกนี้ไม่ต้องลงทุนเช่าร้าน ไม่ต้องเช่าที่ แต่ถ้าเทียบคุณภาพของผลไม้ที่เขานำมาขาย ก็ไม่ใช่ประเภทเกรดเอ แถมกิโลที่ชั่งก็ไม่ค่อยมาตรฐาน ลูกค้าไม่ค่อยวางใจสักเท่าไหร่ว่าจะได้ของเต็มชั่ง เต็มกิโลหรือไม่ เพื่อนคนจีนบอกว่า ลูกค้าของร้านเหล่านี้มักเป็นผู้ที่มาจากต่างถิ่น คนปักกิ่งจะไม่ค่อยซื้อของจากรถเข็นอย่างนี้
อย่างว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ เย็นวานนี้ดิฉันลองไปซื้อพุทราจากรถเข็น เขาให้ชิม ก็หวานพอใช้ เพราะเป็นพุทราต้นฤดู พันธุ์ลูกเล็กยาวรี แม่ค้าบอกลดสุด ๆ แล้ว 3 ชั่ง 10 หยวน ดิฉันก็ซื้อมา พอผ่านร้านผลไม้เจ้าประจำเห็นเขาขายพุทราพันธุ์เดียวกันแต่ลูกใหญ่กว่า ก็แวะดู ถามเขาว่า หวานไหม เขาบอกว่าหวาน เชื้อชวนให้ชิม แหมชิมแล้วทั้งหวานทั้งกรอบ ชั่งละ 15 หยวน ดิฉันบอกเขาว่า ดิฉันซื้อมา 3 ชั่ง 10 หยวน เขาบอกไหนขอชั่งหน่อยซิ พอเขาชั่งจึงรู้ว่าเราได้ของไม่เต็ม เขาถามดิฉันว่าขอชิมได้ไหม ก็ให้เขาชิม ชิมแล้วเขาหัวเราะ รสชาติและคุณภาพมันต่างกันจริง ของดีราคาถูก...... ไม่มี
ออกจากร้านนั้นเดินคิดมาเรื่อยซื้อของต้องดูด้วยที่ไหนควรซื้อ ที่ไหนไม่ควรซื้อ คนขายเขาแข่งกันขาย คนซื้อย่างเราก็ต้องแข่งกันเลือก เลือกให้ได้ของดี มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม ยิ่งเป็นเครือข่ายนักซื้อ ยิ่งดี มีข้อมูลมาก ยิ่งเป็นประโยชน์ เพราะเงินน่ะหายาก แต่ใช้ง่าย ทำไงจึงใช้ให้คุ้มค่า ไม่เป็นเหยื่อของการแข่งขันลดราคา ที่บางทีซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใช้ ที่น่ากลัวมากคือของลดราคาบางอย่างเป็นของที่เขาลดสเปก ลดคุณภาพวัสดุ หรือเกือบหมดอายุแล้ว เรื่องนี้คนจีนพิถีพิถันมาก สอนกันแต่เล็กว่าซื้อของต้องดูส่วนประกอบ ดูวัสดุ ดูวันผลิต วันสิ้นอายุ ไม่ใช่ดูแต่ราคาอย่างเดียว ไหน ๆ ผู้ประกอบการเขาก็แข่งกันขายอย่างดุเดือด เราก็แข่งกันเลือกสรร เข้าข่ายฉลาดเลือก ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ดีไหมคะ?