อินทนิล อินไชน่า : ทึ่งและซาบซึ้งเป็นที่ยิ่ง
  2013-12-19 16:20:25  cri

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานสัมภาษณ์แก่คณะสื่อมวลชนจีนและไทย หลังการแสดงดนตรีและวัฒนธรรม "สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน" ครั้งที่ 6 ที่มหาวิทยาลัยชิงหัว กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2556 หลายเรื่องจากการพระราชทานสัมภาษณ์เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้เราทราบว่าทูลกระหม่อมทรงงานหนัก ทรงบรรทมน้อยเพียงคืนละประมาณ 3 ชั่วโมง บางครั้งทรงหลับคาชามข้าว ทรงโปรดการเป็นหมอดมยา ทรงเห็นว่าวัฒนธรรมเป็นซอล์ฟเพาเวอร์ เป็นพลังที่อ่อนนุ่ม เป็นพลังที่จะสานสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ทรงเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระสำราญขึ้น ทรงแจ่มใสขึ้นมาก และนี่คือบทสัมภาษณ์พระราชทานแก่คณะสื่อมวลชนไทยและจีน

สื่อมวลชน : ทรงพอพระทัยการแสดงครั้งนี้อย่างไรบ้าง?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : การแสดงถ้าประมาณตัวเอง ก็ยังอยากปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ว่าการแสดงทางวัฒนธรรมของไทย คือนาฏศิลป์ คราวนี้ยอดเยี่ยมมาก คัดมาอย่างดี เขาแสดงกันได้ดีมาก

สื่อมวลชน : ทรงเลือกการแสดงอย่างไร?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ก็ได้คุณภัทราวดี มีชูธนช่วย แล้วก็คุณบุรณี รัชไชยบุญก็ช่วยประสานงาน ช่วยกันออกความเห็น

สื่อมวลชน : ทรงวางคอนเซ็บไว้อย่างไร?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ก็อยากให้เป็นวัฒนธรรมไทยจริง ๆ ถึงจะมีการประยุกต์ให้สมัยใหม่ขึ้นบ้าง แต่ที่สำคัญคือต้องมีแก่นมีรากมากจากวัฒนธรรมไทยแท้จริง

สื่อมวลชน : ทรงแบ่งเวลาการฝึกซ้อมและการทำงานด้านอื่น ๆ อย่างไร?

เจ้าฟ้าหญิงฯ :ซ้อมนี่ซ้อมตอนดึก ๆ ค่ะ เพราะว่าทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ต้องตื่นตีห้าไปทำงานวิสัญญีสัตวแพทย์กว่าจะได้กลับบ้านก็ทุ่มอะไรอย่างนั้นแล้วมันเหนื่อยมาก เพราะว่ายืนทั้งวัน สุนัขหนึ่งเคสนี่ใช้เวลาสามชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แต่ส่วนมากจะกลายเป็นห้าชั่วโมงเสียมากกว่า แล้วบางวันทำถึงห้าเคส กลับไปนี่รับประทานข้าวเย็นก็หลับคาชามข้าวแล้ว ก็เป็นอันว่าวันนั้นไม่ได้ซ้อม พอวันอื่น ๆ เทคเคสน้อยลง เช่นเหลือสองเคสหรือสามเคส ก็ได้ซ้อมสี่ทุ่ม ห้าทุ่มอะไรอย่างนั้น คือคราวนี้ต้องยอมรับว่าซ้อมน้อยกว่าครั้งอื่น ๆ มากเพราะว่างานค้อนข้างหนัก

สื่อมวลชน :วันนี้ทรงเหนื่อยไหมเพคะ?

เจ้าฟ้าหญิงฯ: เหนื่อยค่ะ

สื่อมวลชน :ทรงตื่นเต้นก่อนขึ้นแสดงทุกครั้งไหม?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ตื่นเต้น

สื่อมวลชน :แล้วทรงทำอย่างไร?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ก็หลวงตามหาบัวท่านสอนไว้ว่าถ้าจิตใจตื่นเต้นหรือกระสับกระส่าย ให้ระลึกคำว่า พุทโธ พุทโธเข้าไว้ แล้วจิตจะรวม จิตจะนิ่ง เป็นสมาธิ แล้วก็สามารถจะทำอะไรที่เราต้องการจะทำได้อย่างดี

สื่อมวลชน :กู่เจิงเป็นเครื่องดนตรีที่ค้อนข้างยาก ทรงเลือกเพราะอะไร

เจ้าฟ้าหญิงฯ : เลือกเพราะชอบ ชอบว่าเสียงมันเพราะ เพราะแบบมีเสน่ห์ คือมันสามารถจะทำเสียงหลายเสียง โดยที่เครื่องดนตรีฝรั่งทำไม่ได้ เช่น เสียงเอื้อนที่เหมือนออดอ้อน เวลาจะเล่นให้เสียงใสเหมือนน้ำที่ไหล ก็ทำได้ จะให้มีเพาเวอร์ก็ทำได้ คือว่ากู่เจิงนี่เป็นเครื่องดนตรีที่มหัศจรรย์ทีเดียว

สื่อมวลชน :ถ้าเทียบเป็นดนตรีไทยเหมือนจะเข้ไหม?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ไม่เหมือน จะเข้นี่ หย่อนทุกอัน มันฟิกซ์เครื่องไม่ได้ กู่เจิง 21 สายนี่ หย่อนเขาเลื่อนได้หมดเลยเพื่อเปลี่ยนคีย์ มีการเปลี่ยนคีย์ได้หมด เล่นได้ทุกคีย์ เหมือนกับดนตรีสากล แล้วก็เสียงนี่ถ้าไปฟังจะเข้ จะเข้จะเสียงแบน ๆ ทึบ ๆ แต่กู้เจิงเสียงกังวานและโปร่ง

สื่อมวลชน : ตอนนี้เด็กไทยได้เรียนกู้เจิงเยอะขึ้นไหม?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : เรียน เพราะว่า ตัวฉันเองก็สอนอยู่ที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สื่อมวลชน : ทรงรู้สึกอย่างไรที่เด็กเยาวชนไทยเล่นกู่เจิงมากขึ้น

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ก็ดี เขาจะได้รู้จักเครื่องดนตรีตะวันออก เพราะจริง ๆ แล้วแต่ก่อนนี้เด็กไทยพอมีฐานะหน่อย พ่อแม่ก็จะให้เรียนเปียโน ซึ่งเปียโนนี่จริง ๆ แล้วมันนับญาติกับพวกเราไม่ได้เลย เพราะว่าเป็นดนตรีฝรั่ง แล้วก็เป็นดนตรีตะวันตก ซึ่งไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า เป็นของชาติไหน ประวัติคลุมเครือ แต่กู่เจิงนั้นเป็นดนตรีตะวันออกซึ่งใกล้เคียงกับประเทศไทย จะเข้าใจกันง่ายกว่า แล้วก็ประวัติชัดเจน ว่ามีมา 2,500 ปีแล้ว โดยที่กู่เจิงตัวแรกเมื่อสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้นั้นมีสายเพียง 5 สาย ปัจจุบันพัฒนามาเป็น 21 สาย

สื่อมวลชน : กู่เจิงที่เป็นเครื่องดนตรีตะวันออก อัญเชิญมาเล่นบทเพลงพระราชนิพนธ์ยามเย็น มีความยากง่ายอย่างไรบ้าง

เจ้าฟ้าหญิงฯ: ก็ยาก เพราะว่ากู่เจิงเป็นเพนทาโทนิคสเกลคือมีโด เร มี ซอล ลา โด ฟากับทีไม่มี ชาร์ป แฟลต ไม่มี เพราะฉะนั้นเวลาจะขึ้นฟา ขึ้นที หรือ ชาร์ปแฟลต จะต้องใช้กดทางด้านซ้ายเพื่อให้เสียงเปลี่ยนไป ยิ่งกดมากจะทำให้มาเล่นมือซ้ายด้านนี้ไม่ได้ จะต้องคอยกดอยู่ทางด้านนี้

สื่อมวลชน : ท่านทูต(วิบูลย์ คูสกุล)กล่าวว่างานคอนเสิร์ตของพระองค์สำคัญมากเพราะได้ส่งซอล์ฟเพาเวอร์ เชื่อมต่อระหว่างจีนไทย ขอให้ทรงพูดถึงงานด้านวัฒนธรรมว่ามีความสำคัญอย่างไรต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ยาวนานต่อไป

เจ้าฟ้าหญิงฯ : จริง ๆ แล้ว วัฒนธรรมเป็นซอล์ฟเพาเวอร์ เป็นพลังที่จะสานสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นแต่เป็นพลังที่อ่อนนุ่มจนทุกคนมองข้าม จริง ๆ แล้วสำคัญมากเลย ถ้าคนเราเข้าใจในวัฒนธรรมซึ่งกันและกันนี่ ก็จะนำไปสู่ความเข้าใจทุกด้าน ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง แม้แต่ว่าด้านการทหาร

สื่อมวลชน : ทรงคัดเลือกเพลงของไทยมาแสดงครั้งนี้อย่างไรบ้าง

เจ้าฟ้าหญิงฯ : เพลงนี่ต้องบอกว่า ขี้โกง เอาเพลงที่แสดงเมื่อตอนสายสัมพันธ์ 5 มาส่วนหนึ่งเพราะว่าคนจีนยังไม่ได้ฟัง เพราะปีนี้ข้าพเจ้ามีเวลาน้อยมากในการฝึก ก็เลยเอาเพลงใหม่เข้ามาเพียงสองเพลงคือดวงทิพย์กับแคนลำโขง แต่ว่าทั้งสองเพลงก็เล่นยาก ไม่ใช่เล่นง่าย เพราะอินเทอพรีเทชั่นของแคนลำโขง แคนลำโขงนี่เป็นเพลงเก่าไม่รู้ว่าน้อง ๆ นี่เกิดหรือยัง เพราะเก่ามาก สมัยพี่ยังเด็ก ๆ อยู่เลย ก็เอามาให้อาจารย์ฉาง จิ้ง เธอเขียนออกมาว่าจะให้อินเตอร์เพลทคือตีความอย่างไรบ้าง แต่พี่ก็มาเล่นดัดแปลงอีก ตอนแรกว่าจะไม่มีร้อง แต่พี่นึกอยากใส่ร้อง ก็เลยใส่ร้องเข้าไป ก็คือว่าช่วยกันพัฒนา

สื่อมวลชน : อย่างดวงทิพย์ที่เคยได้ยินมาตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว ก็มีเนื้อจีนด้วย

เจ้าฟ้าหญิงฯ : อูย มากกว่า 10 กว่าปีนะคะเพลงนี้(ทรงพระสรวล) 20 กว่าปี เนื้อจีน(เนื้อเพลง)นี่ท่านทูตวิบูลย์ฯ(วิบูลย์ คูสกุล) กรุณาช่วยแปลให้ ท่านทูตเป็นผู้ที่พูดภาษาจีนคล่องมากก็เลยช่วยแปลให้ แล้วก็แปลแล้วได้ใจความใกล้เคียงมากกับเนื้อไทย"

สื่อมวลชน :ทรงฝึกออกเสียงยากไหม?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ก็ อาจารย์ฉางจิ้งเป็นคนช่วยฝึกให้ออกเสียง

สื่อมวลชน :เพลงสายสัมพันธ์สองแผ่นดินซึ่งเป็นเพลงตอนจบการแสดงครั้งนี้มีภาคภาษาไทยไหม?

ทูลกระหม่อม : มีค่ะ แต่คนจีนเขาร้องไม่ได้ ก็ลยต้องให้ร้องภาษาจีน คือถ้าอยากฟังภาษาไทยนี่ต้องรออีก 2 ปีที่จะแสดงที่เมืองไทย ก็คงจะเดือนธันวาคม 2015 ก็คงจะได้ฟังเนื้อร้องไทย เนื้อร้องว่า..ถึงแม้ไม่มีแผ่นดินใกล้กัน เชื้อชาติพงศ์พันธุ์อาจต่างไป ฟ้ากั้นกลางมิอาจขวางใจ สายใยสัมพันธ์สองแผ่นดิน "( เนื้อเพลงนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นมา)

สื่อมวลชน : ในฐานะที่ทรงได้รับการทูลเกล้าเป็นทูตวัฒนธรรม ทรงมีสิ่งที่หนักพระทัยอย่างไรบ้าง

เจ้าฟ้าหญิงฯ:ไม่ค่ะ ค้อนข้างจะเอ็นจอยซะด้วยซ้ำ เพราะว่าจริง ๆ แล้วก็คือเผยแพร่ดนตรีกู่เจิงนั่นเอง คือว่าพี่ไปไหน ต่างประเทศนี่ไม่ว่าเป็นทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา อเมริกาใต้ อะไรต่าง ๆ เหล่านั้น เวลามีคนไทยมาเฝ้านี่ก็เล่นให้ฟังทุกเมือง เพราะฉะนั้นก็เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไปในตัว แล้วเวลาเล่นอย่างนั้น พี่ไม่เครียดเหมือนขึ้นเวทีแบบนี้ เพราะฉะนั้นมันก็จะสบาย ๆ

สื่อมวลชน :นอกจากกู่เจิงแล้ว ยังมีอะไรอย่างอื่นที่ทรงคิดว่าอยากทำในฐานะทูตวัฒนธรรมบ้าง?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : จะเล่นดนตรีอื่นก็คงไม่ไหวแล้ว เพราะกู่เจิงก็ยากแล้ว ก็ช่วยในฐานะเป็นนักกู่เจิงก็แล้วกัน แล้วก็ช่วยในการจัดการแสดงไทยเข้ามาเพื่อแสดงวัฒนธรรมไทยให้คนจีนดู แล้วก็ช่วยในการเลือก การแสดงจีนที่จะไปแสดงในประเทศไทยในครั้งหน้าด้วย

สื่อมวลชน :ทราบว่าทรงถูกสุนัขกัดนิ้วทำให้ทรงมีปัญหาเกี่ยวกับการซ้อมดนตรีบ้างไหม?

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ไม่ เพราะสุนัขกัดเป็นแผลอาทิตย์เดียวแล้วก็หายไป สุนัขมันหวงสมบัติคือว่าจะไปถอดพระพวนของมันตอนจะดมยา นึกว่ามันจะยอมให้ถอดดี ๆ ก็ยก ๆ ๆ ๆ ขึ้นมา แต่ว่าพอมาติดที่ตรงหูมัน จะออกแรงหน่อยมันหันมากัด โอ้โห..(ทรงพระสรวล) ไม่รู้เรื่องเลย

สื่อมวลชน :เป็นสุนัขที่ทรงเลี้ยง

เจ้าฟ้าหญิงฯ :ไม่ใช่ค่ะ เป็นสุนัขของคนอื่น แต่ว่ากัดกันไปกัดกันมาคงเป็นรักแรกกัดมัง(เสียงผู้สื่อข่าวหัวเราะ) สุนัขมันก็ปิ้งพี่ พี่ก็ปิ้งสุนัข เจ้าของเขาก็ยกให้มา เลยตอนนี้อยู่ในวังแล้ว"

สื่อมวลชน :ทรง พระราชทานชื่อใหม่ให้ไหม

เจ้าฟ้าหญิงฯ :ไม่ ชื่อเดิมเขาชื่อเจ๋งเป้ง

สื่อมวลชน :ขอพระราชทานถามถึงพระพลานามัย

เจ้าฟ้าหญิงฯ :ตอนมานี่ก็เป็นหวัดหน่อยหนึ่ง เพราะอากาศเปลี่ยน หนาว ๆ ร้อน ๆ เป็นหวัดก็เลยเวลาจะร้องเพลงนี่ ทรมานมาก นี่เขาเอาแป้งโป๊ะเอาไว้(ทรงยกข้อพระหัตถ์ขวา)ตรงเขียว น นี่ คือว่าก่อนขึ้นแสดงประมาณ 2 ชั่วโมง จะต้องใส่สเตียรอยด์ทางเส้นเพื่อให้เสียงมา ก็หลายช็อตเข้าไปแล้ว"

สื่อมวลชน :เพลง Love At Sundown ถือว่าเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่ทรงนำมาเล่นด้วยกู่เจิงใช่ไหม

เจ้าฟ้าหญิงฯ: เป็นเพลงแจ๊สที่นำมาเล่นกับกู่เจิง ก็เป็นอะไรที่ท้าทายมาก ๆ แต่ที่อยากเล่นเพลงนี้ เพราะอยากจะถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะทรงเป็นองค์อัครศิลปินที่ทรงประพันธ์เพลงนี้ เพลงนี้เป็นเพลงแรกเลย ที่ท่านทรงประพันธ์เมื่อพระชนม์ 18 ปี

สื่อมวลชน :ทรงทำหน้าที่หลายบทบาทมาก ทั้งวิชาการ ทรงเป็นคุณหมอดมยา แล้วตอนนี้ทรงเป็นศิลปินด้วย ทรงโปรดหน้าที่ใด

เจ้าฟ้าหญิงฯ: ชอบเป็นหมอดมยา (นักข่าวหัวเราะ)

สื่อมวลชน : เพราะอะไร?

เจ้าฟ้าหญิงฯ:อืมม์ มันท้าทายดี คือว่าจริง ๆ แล้ว สัตว์ป่วยที่โรงพยาบาล จะรอดหรือจะตายขึ้นอยู่กับหมอดมยา เพราะหมอดมยานี่จะต้องเป็นคนที่ตรวจละเอียดก่อนที่จะดมยา คือว่าไม่ว่าจะเป็นค่าเลือดปกติหรือเปล่า เลือดจางหรือเปล่า เลือดไหลแล้วจะไม่หยุดหรือเปล่า อะไรอย่างนี้ แล้วก็เอ็กซเรย์ อุลตร้าซาวด์ ซีทีสแกน อันนี้หมอดมยาจะต้องดูมาหมดทุกอย่างก่อนที่จะเข้าไป แล้วก็ไปถึงก็ต้องไปตรวจร่างกายของสุนัขก่อนที่จะดมยาด้วย อย่างของพี่นี่ ได้ฉายาว่าผ่าหนึ่งแถมหนึ่ง เพราะว่าหมอเจ้าของไข้เขาบอกว่า หมาตัวนี้มันเป็นไส้เลื่อนนะ ให้มาดมยาผ่าตัด พี่ก็ตรวจตั้งแต่หัวจดเท้าแล้วนี่ พี่ก็ไปเจอเนื้องอกอีกที่หนึ่ง พี่ก็เลย อืมม์ อันนี้แถมด้วย (นักข่าวหัวเราะ) พี่ก็ดู เออะข้างหน้ามีหูด แถมด้วยอีกนิดหนึ่ง ก็เลย ผ่าหนึ่งแถมหนึ่ง ผ่าหนึ่งแถมสองไปเรื่อย ๆ เพราะงั้นหมอดมยานี่ต้องละเอียดมาก เพราะว่าถ้าใช้ยาที่ไม่เหมาะกับสุนัขเนี่ย สุนัขอาจถึงตายได้ด แต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน

สื่อมวลชน : ทรงพระบรรทมมากน้อยแค่ไหน

เจ้าฟ้าหญิงฯ :นอนวันละสามชั่วโมงสองชั่วโมง ยกเว้นวันอาทิตย์เพราะว่าวันอาทิตย์ไม่ได้ทำ

สื่อมวลชน :ทรงเหนื่อยแล้วทรงทำอย่างไร

เจ้าฟ้าหญิงฯ :เหนื่อยก็หลับคาชามข้าว

สื่อมวลชน :ที่ทรงเปิดอินสตาแกรมขึ้นมาเป็นเพราะต้องการใกล้ชิดกับประชาชนหรือเปล่า

เจ้าฟ้าหญิงฯ:ก็อยากให้คนเห็นว่าชีวิตพี่จริง ๆ มันเป็นอย่างไร ก็จะเห็นว่า ก็วนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละ แล้วก็งานอะไรที่อย่างไป พอ.สว. พี่ก็พยายามจะให้เห็นว่าพี่ทำอะไรบ้าง คือคนจะได้เข้าใจว่าพี่ทำอะไรบ้าง คือจะได้ไม่เข้าใจผิด หรือใช้อิมแมจิเนชั่นว่าพี่เป็นอย่างนู้น พี่เป็นอย่างนี้ จริง ๆ แล้วอันนั้นก็คือตัวตนที่แท้จริง ใครอยากติดตามก็ต้องขอ เพราะของพี่เป็นแบบปิด แต่ว่าพี่มีสมาชิกตอนนี้ก็กว่าหกหมื่นคน (นักข่าวหัวเราะ...แบบนี้ก็ไม่ได้ทรงปิด)

สื่อมวลชน :ทรงคัดเลือกอย่างไร

เจ้าฟ้าหญิงฯ : ก็ส่วนใหญ่แล้วจะอนุญาต แต่ก่อนนี้ไม่อนุญาตพวกร้านค้า เพราะกลัวว่าเขาจะมาโฆษณาขายของ(นักข่าวหัวเราะ) แต่ว่าตอนหลังก็เลยอนุโลม อนุญาตไปเพราะว่าไป ๆ มา ๆ สังเกตุดูว่าเขาไม่ขายของแต่ว่าเขาอยากติดตามพี่มากกว่า เขาไม่ได้อยากจะขายของ

สื่อมวลชน :แฟนคลับเยอะ กดไลค์กันเยอะมาก อย่างปรึกษาปัญหาหมา

เจ้าฟ้าหญิงฯ :มีปรึกษาหลายอย่าง ปัญหาคนก็มี ปัญหาคนไข้มะเร็ง หมาก็ปรึกษา บางคนนี่ ท่านคะ สุนัขของหนูขนร่วงสงสัยจะเป็นโรคเรื้อน ท่านสั่งยาให้หน่อย(เสียงผู้สื่อข่าวหัวเราะ) พี่ก็ตอบไปบอกว่าถ้าพี่ไม่เห็นสุนัข พี่สั่งยาไม่ได้เพราะว่าขนร่วงนั้นมีหลายสาเหตุ ไม่ใช่สาเหตุโรคเรื้อนอย่างเดียว เพราะฉะนั้นต้องมาตรวจ ก็บอกเขา อธิบายให้เขาฟัง

สื่อมวลชน :ทรงใช้คำแทนพระนามว่าอย่างไร

เจ้าฟ้าหญิงฯ : พี่

สื่อมวลชน :ทรงเป็นกันเองมาก ทรงตอบไอจีด้วยพระองค์เอง

เจ้าฟ้าหญิงฯ:ตอบเองค่ะ

สื่อมวลชน :ทรงใช้เวลาช่วงไหนตอบ

เจ้าฟ้าหญิงฯ:บางทีระหว่างกินข้าวก็เปิด ๆ ดูไป ใครถามอะไรมา ก็ตอบ ๆ ไป

สื่อมวลชน :คนอื่นคงตอบแทนได้ เพราะเป็นศัพท์เทคนิคหมอและเป็นเรื่องของการวิเคราะห์โรคถ้าให้คนอื่นตอบ อาจตอบไปอีกเรื่องลูกหมาอาจจะตายได้ เจ้าของสุนัขสเปก(ระบุ)ไหมคะว่าจะไปรักษากับทูลกระหม่อม

เจ้าฟ้าหญิงฯ :อ๋อ ตอนนี้ก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว หมาทุกตัวที่จะผ่าตัดนี่เจ้าของก็เดินเข้ามาหาหมอจักรินทร์ซึ่งทำหน้าที่คล้าย ๆ เป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่ว่า ต้องการฟ้าหญิงเป็นวิสัญญี(นักข่าวหัวเราะ) หมอจักรินทร์ก็บอกว่าคิวของทูลกระหม่อมนะท่านยาวเรียงกันตั้งแต่กรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ จะรอไหวไหมล่ะ เพราะว่าถ้าเป็นสุนัขที่เป็นโรคที่รอได้ เจ้าของเขามักจะรอ บางทีรอเป็นเดือนเลย แต่ถ้าอันไหนรอไม่ได้แล้วพี่มีคิวอื่นจริง ๆ ก็ต้องให้หมอดมยาคนอื่นดม แต่ก็มีการรีเควสได้เหมือนกัน (ผู้สื่อข่าวหัวเราะ...รีเควสทุกคนทุกราย)

สื่อมวลชน :ทรงใช้หลักอะไรในการพิจารณารีเควส

เจ้าฟ้าหญิงฯ :พี่ก็ดูละเอียดซิคะว่าประการแรกหมามันจะต้องแข็งแรงพอประมาณ ถ้าพี่ตรวจร่างกายแล้วไม่ผ่าน พี่ก็ไม่ดมยาให้เหมือนกัน เพราะกลัวมันจะตาย ก็สงสารสุนัข บางตัวนี่ไอ้เพลทเลทคือตัวที่ทำให้เลือดแข็งตัวนี่ มันน้อยมาก เพราะฉะนั้นนี่ถ้าเผื่อผ่าไปมันจะเป็นผลเลือดออกไม่หยุด อย่างนี้พี่จะไม่ดมยาให้ เพราะว่าถ้าดมยาผ่าตัดไปสุนัขก็จะตาย พี่จะอธิบายให้เจ้าของฟังว่าหมาตัวนี้ผ่าตัดไม่ได้เพราะอะไร เพราะอะไร"

สื่อมวลชน :เพราะงั้นก็ต้องปล่อยให้สุนัขตาย

เจ้าฟ้าหญิงฯ:ไม่ค่ะ มันก็ไม่ถึงตาย เพราะเอามาผ่าโรคบางอย่างก็ไม่ถึงตาย แต่ว่าไอ้เพลทเลทนี่เป็นอะไรที่ทำให้เพิ่มกันได้โดยการให้เลือดระหว่างหมาตัวหนึ่งไปสู่หมาอีกตัวหนึ่งทันที ก็จะทำให้เพิ่มเพลทเลทอีกหน่อยถ้าเพลทเลทขึ้นมากกว่าแสนหรือสองแสน ก็ผ่าตัดได้ ไอ้ค่าเลือดพวกนี้มันปรับปรุงได้

สื่อมวลชน :ทรงมีหลักอย่างไร เพราะทรงงานหนักมากและพักผ่อนน้อย

เจ้าฟ้าหญิงฯ :คือก็สงสารน้องหมา คือถ้าพี่ไม่ทำบางตัวเป็นน้องหมาที่เจ้าของไม่มีสตางค์ บางตัวเป็นหมาข้างถนนที่ถูกรถชน ที่มีคนใจบุญเอามารักษาบ้าง ถ้าไม่ใช่พี่ หมอคนอื่นเขาอาจจะไม่รับ เพราะว่าจ่ายตังค์ไม่ได้ แต่พี่นี่ถ้าเป็นหมาข้างถนน จ่ายตังค์ไม่ได้แล้ว พี่ยังเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านอีกต่างหาก นี่มีอีกตัวหนึ่งชื่อน้องโนรี น้องโนรีนี่ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่เพราะว่าเป็นพญาธิในเม็ดเลือดด้วยต้องฉีดยาเพราะว่าถ้าปล่อยให้เป็นไปน้องจะตายได้ แต่ตอนนี้ก็เป็นสุนัขทรงเลี้ยงไปเรียบร้อยแล้ว (นักข่าวหัวเราะ)

สื่อมวลชน :ตอนนี้มี่สุนัขทรงเลี้ยงกี่ตัว

เจ้าฟ้าหญิงฯ:สามสิบกว่าตัว

สื่อมวลชน :ทรงจำชื่อได้หมดหรือเปล่า

เจ้าฟ้าหญิงฯ :จำได้

สื่อมวลชน :ทรงงานมาก อย่าง พอ.สว.ก็ใช่ ทรงบริหารจัดการได้อย่างไร

เจ้าฟ้าหญิงฯ:งาน พอ.สว.ถือเป็นการรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะว่าทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ทำถวายท่าน ก็เป็นต่างพระเนตรพระกรรณท่าน ดูแลประชาชนในถิ่นทุรกันดารให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดีที่สุด"

สื่อมวลชน :ทรงงานวิชาการหลายอย่าง ทรงได้รับรางวัลจากนานาชาติหลายรางวัล ทรงภาคภูมิพระทัยรางวัลอะไรบ้าง

เจ้าฟ้าหญิงฯ:รางวัลที่ภาคภูมิในมากชื่อวินดาวน์ อะวอร์ด เป็นรางวัลสำหรับนักเคมี ซึ่งพี่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาให้มายี่สิบกว่าคนสามสิบกว่าคนผู้ชายหมด และเป็นคนเอเชียคนแรกที่ได้ คนที่ตัดสินรางวัลคือสมาคมเคมีเยอรมันซึ่งขึ้นชื่อว่าหินที่สุด

สื่อมวลชน :ขอพระราชทานถามถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ

เจ้าฟ้าหญิงฯ :ทรงพระสำราญขึ้น เพราะว่าตอนนี้ก็ได้ทรงแปรพระราชฐานไปอยู่ที่วังไกลกังวล หัวหิน อากาศก็ดี บรรยากาศก็ดี ก็ท่านก็แจ่มใสขึ้นมาก เพราะว่าต้องยอมรับนะคะว่าถึงจะอยู่ในโรงพยาบาลดูเหมือนปลอดภัย แต่ก็มีความหดหู่นิด ๆ คือว่าห้องที่โรงพยาบาลศิริราช พี่ทำงานที่โรงพยาบาลศิริราช พี่เป็นข้าราชการของศิริราชก็เราก็ถวายท่านดีที่สุดก็จริงแต่ว่ามันก็มีอยู่แค่นั้น ไม่กี่ห้อง แล้วท่านอยู่นี่เกือบสี่ปี ก็แน่นอนว่าท่านอาจรู้สึกหดหู่พระทัยบ้างที่อยู่แต่ในโรงพยาบาล พอได้ไปพระราชวังไกลกังวลก็รู้สึกว่า ท่านสดชื่นขึ้นมากทั้งสองพระองค์

สื่อมวลชน :สมเด็จพระนางเจ้าฯพระองค์ท่านไม่ได้เสด็จออกมา

เจ้าฟ้าหญิงฯ:ท่านยังมีพระโรคปวดข้อบ้าง อะไรบ้าง แพทย์ก็เลยแนะนำให้ยังไม่ทรงงาน

สื่อมวลชน :หตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน จะทรงรับสั่งกับประชาชนคนไทยอย่างไรบ้าง

เจ้าฟ้าหญิงฯ:พี่อยากขอให้คนไทยรักประเทศของเราให้มาก ๆ และขอให้เป็นความรักที่ถูกต้อง คือต้องซื่อสัตย์ ภักดี ต่อประเทศเรา อย่าหวังผลประโยชน์ส่วนตัว จนมากเกินไปหรือโกงกินก็รับไม่ได้ ขอให้ทุกคนช่วยกันดำรงความเป็นธรรมให้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ และขอให้ทุกคนจะทำอะไรนี่ ขอให้นึกถึงความเป็นไทยให้มาก ๆ พี่ขอแค่นี้"

ผู้เข้าชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ ต่างทึ่งในพระอัจฉริยภาพทางดนตรีของเจ้าฟ้าผู้ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์ในสากลโลก แต่ยังทรงสนพระทัยในการทรงดนตรีกู่เจิง และทรงได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง คุณชวน คู่ชีวิตคุณหาน ซี ผู้อำนวยการภาคภาษาไทย กล่าวว่า ทึ่งมาก ทรงพระปรีชาสามารถจริง ๆ นอกจากนี้ เขายังชอบลีล่า ท่วงท่า ที่มีทั้งความประณีต อ่อนช้อย และดูคึกคักมีชีวิตชีวาของนาฏศิลป์ไทยอีกด้วย ขณะที่ นายพิเชษฐ วงศ์ฟู นักศึกษาไทยที่ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า วันนี้ดูการแสดงแล้ว ความจริงผมไม่มีความรู้เรื่องดนตรีอะไรเลย แต่ระหว่างที่ดูไป ผมขนลุกตลอดเวลา ซาบซึ้งมากมาก ยิ่งตอนนี้ ประเทศไทยของเรามีปัญหาอยู่ มีความรู้สึกว่าอยากให้คนไทยทุกคนที่ประเทศไทยได้ดูคอนเสิร์ตนี้ เผื่อพวกเขาจะมีความรู้สึกแบบผม และถ้าทุกคนมีความรู้สึกเดียวกัน ประเทศของเราก็จะเป็นประเทศของเรา แล้วก็ คนไทยก็จะมีดวงใจที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเหมือนกัน ส่วนนางสาวอภิญญา ศักดิ์เกษมชัยกุล นักศึกษาจากสถาบันเดียวกันกับพิเชษฐ กล่าวสั้น ๆ ว่า หลังจากได้ดูคอนเสิร์ตแล้ว คิดถึงบ้านมาก ๆ ดูแล้ว ขนลุกค่ะ มีความไพเราะ สวยงามมาก ๆ

----------------------------------

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040