แฟนเน็ตชื่อลี่เต๋อ แสดงความเห็นด้วยว่า "ไม่เป็นคนร่ำรวยก็อย่าใช้เงินเยอะเลียนแบบคนรวย ของขวัญที่ไม่แพงก็เป็นของที่มีค่าได้ มันได้ฝากความปรารถนาดีและน้ำใจของเราอยู่แล้ว อย่าถืออั่งเปาเป็นลูกระเบิดสีแดง"
(คำอธิบาย: อั่งเปาคือซองกระดาษสีแดงที่ใส่เงินปีใหม่หรือเงินอวยพร ซึ่งแจกให้เด็กๆ หรือเพื่อนญาติ เพื่อฝากความปรารถนาดี ส่วนบางคนเห็นอั่งเปาแล้วกลัว เพราะมันแสดงว่าต้องเสียตังค์ จึงตั้งชื่นเล่นว่า "ลูกระเบิดสีแดง")
ปัญหานี้แฟนเน็ตบางคนก็เสนอวิธีการแก้ไข แฟนเน็ตชื่อหม่าเหลียงเสนอว่า "ไม่ต้องกลับบ้านก็ได้ ชวนพ่อแม่มาหาดีกว่า ตั๋วรถไฟซื้อง่าย เพราะไปทางตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่"
อันที่จริง ปีหลังๆนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยทำเช่นนี้อยู่แล้ว ล้วนเป็นคนที่ทำงานในเมืองใหญ่และบ้านเกิดอยู่เมืองเล็กหรือชนบท คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังทำงานได้ไม่นาน และเก็บเงินได้ไม่มาก ทำเช่นนี้สามารถช่วยประหยัดเงินได้ไม่น้อย
แต่ก็มีเสียงคัดค้านอยู่บ้าง แฟนเน็ตคนหนึ่งบอกว่า "การกระทำเช่นนี้เหมาะสำหรับคนจำนวนน้อย ต้องเป็นพ่อแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีลูกคนเดียวเท่านั้นจึงทำอย่างนี้ได้ แต่ถ้าพ่อแม่มีลูกหลายคน จะให้ไปหาคนไหน? ถ้าเงื่อนไขที่พักในที่ทำงานของเราไม่ดี พ่อแม่แก่แล้ว จะให้พ่อแม่อยู่ดีๆและมีความสุขได้หรือ? "
นางสาวหวง เป็นพนักงานบริษัททุนต่างชาติแห่งหนึ่งในเมืองซูโจว บ้านเกิดอยู่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งอยู่ห่างไกลกับที่ทำงาน เธอมีโอกาสกลับบ้านน้อย ปีนี้จึงตั้งใจกลับบ้านเยี่ยมพ่อแม่ แต่ก็ต้องคิดเรื่องประหยัดเงินเหมือนกัน เธอบอกว่า "ถึงช่วงที่ใกล้วันหยุดยาวค่อยซื้อตั๋วจะยากมาก ต้องจองตั๋วล่วงหน้า และก่อนกลับมาทำงาน ก็ต้องจองตั๋วล่วงหน้าเหมือนกัน ส่วนของฝากนั้นซื้อในช่วงปลายปีดีกว่า เพราะกว่าจะถึงตรุษจีนยังมีเวลาอีกเดือนสองเดือน มีโปรโมชั่นเยอะ ราคาถูก ประหยัดเงินได้ด้วย"
ขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าต้องกลับบ้านในช่วงตรุษจีน มีคนจำนวนหนึ่งเลือกการทำงานต่อหรืออยู่ที่ทำงานไม่กลับบ้าน แฟนเน็ตคนหนึ่งบอกว่า "ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านพร้อมกับคนส่วนใหญ่ กลับบ้านในช่วงตรุษจีนหรือเทศกาลใหญ่อื่นๆ ตั๋วรถไฟและตั๋วเครื่องบินต่างก็ซื้อยาก บางทียังต้องซื้อในราคาสูงเป็นพิเศษ กลับบ้านแล้วเจอเด็กต้องให้เงิน เยี่ยมผู้ใหญ่ก็ต้องให้เงินด้วย แต่ถ้าไม่กลับบ้าน การทำงานเพิ่มเติมในช่วงตรุษจีนยังได้เงินเยอะกว่าวันธรรมดาสองสามเท่า ได้เงินเยอะๆแล้วค่อยกลับบ้านดีกว่า"
ความคิดเห็นเช่นนี้เป็นความคิดใหม่ที่นับเป็นตัวแทนความคิดเห็นของวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน ถ้าทุกคนคิดเช่นนี้ก็คงไม่มีคนกลัวเทศกาลแล้ว แต่ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาของจีน ผู้คนส่วนใหญ่ยังคิดว่า ต้องกลับบ้านในช่วงตรุษจีน
ส่วนคนที่รู้สึกปวดหัวในช่วงเทศกาล ส่วนใหญ่ก็เป็นคนวัยหนุ่มวัยสาว อันที่จริง พวกเขาเคยเป็นคนชอบเทศกาลมาก เพราะได้รับเงินปีใหม่ทุกปีตั้งแต่เด็ก แต่โตขึ้นแล้วต้องเปลี่ยนจากคนรับเงินเป็นคนจ่ายเงิน ซึ่งทำให้วัยรุ่นเหล่านี้ปรับตัวให้ชินไม่ทัน
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสังคมทุกคนต่างก็ต้องผ่านขั้นตอนนี้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่พวกวัยรุ่นที่กลัวเทศกาลควรจะทำคือ พยายามปรับตัวและปรับความคิดให้ชินกับขั้นตอนการเติบโต ต้องยอมรับว่า สิ่งที่เราคงต้องเสียสละจำนวนหนึ่งคือ ความเพลิดเพลิน และสิ่งที่มาทดแทนคือ ภาระหน้าที่ที่ควรรับผิดชอบ