การลดความอ้วนเป็นปัญหายอดนิยมของคนยุคปัจจุบันทั่วโลก เนื่องจากชีวิตสุขสบายร่ำรวยยิ่งขึ้น ผู้คน โดยเฉพาะคนในตัวเมือง กินมากเกินและนั่งทั้งวัน ไม่ได้ออกกำลังกาย จึงมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ รูปร่างก็อ้วนขึ้น ไม่ว่าเพื่อสุขภาพหรือความงาม ผู้คนจึงเริ่มสนใจการลดความอ้วน หลักการการลดความอ้วนที่เป็นที่คุ้นหูกันของคนส่วนใหญ่ ก็คือกินน้อย และออกกำลังกายมาก แต่คนที่กำลังทำอย่างนี้อาจไม่รู้ว่า ตนเองทำผิดแล้ว
ปัจจุบัน จีนมีผู้รักการออกกำลังกายมุ่งเผยแพร่ความรู้ทางด้านการลดความอ้วนอย่างถูกต้องจำนวนมากขึ้น พวกเขาพยายามใช้อินเตอร์เน็ตบอกผู้ที่สนใจว่า ควรลดความอ้วนอย่างไร พร้อมทั้งหาบทความและผลการศึกษาจากประเทศตะวันตกมาแปลและเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตด้วย เพื่อให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวจีนรู้จักวิธีการรักษาสุขภาพและการลดความอ้วนมากขึ้น
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะถามว่า ออกกำลังกายมาหลายสัปดาห์แล้ว ท้องดูแฟบลง เอวก็คอดแล้ว แต่น้ำหนักลดได้เพียง 1 กิโลกรัม หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลง แถมบางคนกลับเพิ่มขึ้นอีก รู้สึกผิดหวังมาก บางคนยังถามว่า ทำไมอดกินมาหลายสัปดาห์แล้ว ทีแรกน้ำหนักลดได้เร็วมาก แต่ตอนนี้ไม่ลดแล้ว แถมดูรูปร่างก็ยังไม่สวยเหมือนกัน วันนี้ เราก็มาค้นหาความลับในกระบวนการลดความอ้วน เชื่อว่าจะเปลี่ยนความเข้าใจแบบผิดๆ ของคนส่วนใหญ่ได้อย่างดี
1. เป้าหมายการลดความอ้วนจริงๆ คือลดไขมัน ไม่ใช่ลดน้ำหนัก
น้ำหนักของมนุษย์รวมถึงน้ำหนักของกระดูก กล้ามเนื้อ ไขมันและน้ำ เพราะฉะนั้น เครื่องชั่งน้ำหนักไม่สามารถบอกการเปลี่ยนแปลงในร่างกายอย่างถูกต้องได้ จริงๆ แล้ว คนที่ยืนหยัดออกกำลังกาย แม้ว่ารูปร่างดูเปลี่ยนไปมาก แต่น้ำหนักอาจไม่ได้เปลี่ยน สาเหตุก็คือในกระบวนการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้น ไขมันจะลดลง ส่วนกล้ามเนื้อมีความหนาแน่นมากกว่าไขมัน พูดง่ายๆ ก็คือ เปรียบเทียบไขมันก้อนหนึ่งและกล้ามเนื้อก้อนหนึ่งที่มีน้ำหนักเท่ากัน จะพบว่าไขมันจะใหญ่กว่ากล้ามเนื้อก้อนนี้ประมาณ 25% ดังนั้น เมื่อสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น ส่วนกล้ามเนื้อดูขนาดเล็กกว่าไขมันเมื่อมีน้ำหนักเท่ากัน คนที่ออกกำลังกายมากจึงอาจดูผอมลงแต่น้ำหนักไม่ลง
บางคนอาจจะถามว่า ทำไมมีคนสามารถลดได้หลายสิบกิโลกรัม แต่ตัวเองลดช้ามาก สาเหตุก็คือคนที่อ้วนมากมีไขมันมากกว่า เช่น ผู้หญิงที่มีน้ำหนัก 75 กิโลกรัม ลดน้ำหนักถึง 60 กิโลกรัม ซึ่งลดไขมันได้ 20 กิโลกรัม และเพิ่มกล้ามเนื้อ 5 กิโลกรัม แต่ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเพียง 60 กิโลกรัมออกกำลังกายมาหลายเดือน น้ำหนักก็อาจไม่ลง เพราะได้ลดไขมัน 5 กิโลกรัม แต่กล้ามเนื้อก็เพิ่มได้ 5 กิโลกรัมเหมือนกัน แต่ปริมาตรของกล้ามเนื้อ 5 กิโลกรัมเท่ากับ 80% ของไขมัน 5 กิโลกรัม จึงดูผอมลง
เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการลดความอ้วน ไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่คือลดไขมัน ซึ่งบางคนก็มีปัญหาอีกแล้วว่า ถ้าไม่สามารถประเมินผลการลดความอ้วนจากน้ำหนัก เรารู้ได้อย่างไรว่า เราลดหรือยัง เรามีวิธีหลายอย่างที่จะเสนอให้ ซึ่งสามารถบอกผลการลดความอ้วนได้อย่างถูกต้อง หนึ่ง) การถ่ายภาพ คนที่เตรียมจะลดความอ้วนควรถ่ายภาพของร่างกายบ่อยๆ ซึ่งสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมาก ถ่ายตอนเริ่ม ต่อไปก็ถ่ายเดือนละครั้ง หลายเดือนผ่านไปก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนจากภาพถ่ายเหล่านี้ สอง) เข็มขัด กางเกงยีนส์และแหวนสามารถบอกการเปลี่ยนแปลงของไขมันในร่างกายมากที่สุด นิ้วและเอวไม่ค่อยเพิ่มกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้น ถ้านิ้วเรียวและเอวคอดลงก็แสดงว่าไขมันลดลง สาม) เครื่องวัดไขมัน ซึ่งสามารถซื้อทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายๆ หรือโรงยิมก็มีเหมือนกัน แต่สิ่งที่ควรระวังคือ เครื่องวัดไม่ค่อยละเอียด จึงไม่ควรเชื่ออย่างเต็มที่ สี่) ความรู้สึกของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนที่จะลดความอ้วนควรคิดปัญหานี้ให้ดีๆ ว่า อยากลดความอ้วนเฉยๆ หรือลดเพื่อมีความสุขและความเชื่อมันในตัวเองมากขึ้น เพราะฉะนั้น อย่าชั่งน้ำหนักทุกวัน น้ำหนักจะเปลี่ยนแปลงตามปริมาณน้ำในร่างกาย ชั่งสัปดาห์ละครั้งก็พอ อย่าเร่งได้ผลชัดเจนในตอนเริ่มต้น การลดความอ้วนเหมือนกับการทำงานเหมือนกัน ต้องพยายามและอดทนมานานจึงจะได้ผลดี