ความโชคดีที่น่าอิจฉาของผมก็คือ เมื่อได้เดินทางไปอยู่ยังแห่งหนตำบลใดแล้ว ก็มักจะมีผู้ใหญ่คอยอยู่ใกล้เอ็นดูเสมอ ที่นี่ก็เช่นกัน ผมไม่รู้ว่าถ้าขาดบุคคลอันทรงค่าท่านนี้ไปแล้วชีวิตจะบูดจะเบี้ยวไปอย่างไร แน่ล่ะว่าอย่างน้อยที่คิดออกในตอนนี้ กับข้าวกับปลาอย่างดีก็คงไม่มีโอกาสได้ทาน และความคิดก็คงอันตรธานไปไม่มีหลักให้เกาะยึด
สำนวนลิเก๊ลิเกว่าไหมครับ งั้นข้ามกันไปเลยดีกว่า ช่วงนี้สารภาพจริง ๆ ว่าไม่ค่อยมีเหยื่อมาให้พูดคุยด้วยเลย ประกอบกับการทำงานช่วงของการประชุมสองสภา ที่แน่นอนว่าวุ่นวายพอสมควร เวลาว่างเลยขออยู่นิ่ง ๆ สักหน่อย ชีวิตที่อยู่นิ่ง ๆ น่ะมันทำได้อยู่แล้ว แต่ไอ้เจ้าท้องน้อย ๆ เนี่ยสิ เรียกร้องอยากจะกินนั่นกินนี่เสียให้ได้ ผมก็เลยตัดสินใจ เอาวะ! ไปจ่ายตลาดก็ได้
ผมออกเดินทางจากบ้านไปตลาดใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงขาไป และขากลับอีก 3 ชั่วโมง คุณผู้อ่านคงสงสัยว่า นี่แกไปตลาดหรือไปต่างจังหวัด ผมไปตลาดจริง ๆ ครับ และที่ยอมใจไปเสียไกลขนาดนี้ก็เพราะตลาดที่ว่ามันมีของที่หน้าตาแบบไทย ๆ ขายอยู่ (ขอบ่นหน่อยนึงนะ : ช่วงเวลาเลิกงานของที่นี่ อาการรถติดสะสมนั้นมีไม่แพ้กรุงเทพฯจริง ๆ) ของที่ขายส่วนใหญ่เป็นของที่นำเข้ามาจากแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครับ บ้างก็เรียกตลาดลาว ตลาดไทย ตลาดไฮโซ ตลาดสถานทูต ต่าง ๆ นานา
ตลาดนี้มีความสำคัญอย่างไร แล้วทำไมผมถึงยกให้เป็นศูนย์รวมตัวคนชอบเข้าครัวทำอาหาร เหตุผลสั้น ๆ ครับ "ที่นี่มีทุกอย่างที่ตลาดในเมืองไทยมี" ผมเชื่อเหลือเกินว่าใครที่ได้มาใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องคิดถึงอาหารบ้านเราเป็นธรรมดา เพียงแต่อยู่ที่ว่าใครจะใช้ความพยายามเสาะหามันได้มากกว่าก็เท่านั้น
"ซานหยวนหลี่" คือชื่อตลาดแห่งนี้ครับ โดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวคงไม่ยอมเสียเวลาเดินทางมากันสักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้อาศัยในเมืองนี้ในเมืองนี้ระยะยาว ชาวไทยส่วนมากที่มาทีนี่ก็เลยจะเป็นพวกนิสิตนักศึกษา เหล่าคนทำงานเสียมากกว่า สำหรับใครที่เพิ่งมาตั้งรกรากที่ปักกิ่งใหม่ ๆ แล้วนึกอยากทำอาหารไทยทานก็สามารถไปซื้อวัตถุดิบจากที่นี่ได้นะครับ สอบถามเพื่อน ๆ ชาวจีนหรือลากเขามาด้วยก่อนก็ได้ ตลาดซานหยวนหลี่ตั้งอยู่ที่ถนน SHUNYUAN JIE ครับตามภาพเลย
เมื่อเห็นป้ายแบบนี้แล้วก็เดินเรียบถนนเข้าไปอีกสักประมาณ 500 เมตรครับ ก็จะเห็นอาคารหลังไม่ใหญ่นัก รูปทรงประมาณนี้ สังเกตง่าย ๆ เลยก็มักจะมีรถหรู ๆ ของเหล่าภริยาท่านทูตมาจ่ายตลาดเป็นประจำ
เมื่อเปิดม่านลอดเข้าไปก็จะพบว่า เห้ย!!! ตลาดนี่มันซ่อนรูปนี่ว่า ผมอยากให้คุณผู้อ่านย้อนกลับไปดูภาพด้านบนอีกครั้ง ดูจากภายนอกเหมือนเป็นอาคารเล็ก ๆ ข้างในไม่น่าจะใหญ่โตอะไรใช่ไหมล่ะครับ พอเห็นแล้วงงงวยกับโครงสร้างอาคารจริง ๆ คือมันลึกเข้าไปแบบเอียง ๆ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ต้องลองมาจ่ายตลาดที่นี่ดูเอง
มาโซนแรกก็สร้างความประทับใจแล้วครับ นี่มันผลไม้จริง ๆ (ผมร้องไห้หนักมากเมื่อเห็นมังคุดเนื้อนวลสีขาวของโปรดวางเรียงรายอยู่ ที่นี่มีผลไม้มากมายเต็มไปหมด ที่สำคัญคือ "สดมาก ๆ"
ถัดเข้ามาก็จะเป็นของสดครับ "เนื้อสารพัดนึก" เลือกกันไปให้ตาแฉะ ทั้งหมู หมึก กุ้ง ไก่ วัว ปลา หอย ปู ฯลฯ
ไฮไลท์ของตลาดอยู่ตรงนี้ครับ "ผัก" นั่นเอง ผมมั่นใจว่าไม่สามารถหา ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หรือแม้แต่มะนาวลูกเล็ก ๆ เขียว ๆ แบบบ้านเราได้ ภายในรัสมี 50 กิโลเมตรจากตรงนี้ คือทั้งปักกิ่งมีที่นี่ที่เดียวจริง ๆ เป็นเหตุเป็นผลแล้วหรือยังล่ะครับ ว่าทำไมถึงยอมนั่งรถรวมกว่า 6 ชั่วโมงเพื่อการนี้
เมื่อซื้อผักเสร็จก็ลองสำรวจดูรอบ ๆ ตลาดก่อนกลับ (ใช้เวลา 20 นาทีจ่ายตลาด ตอนนั้นผมคิดอยู่ในใจเหมือนกัน ตัวเรานี่ก็ทุ่มทุนสร้างเหลือเกินจริงนะ) ร้านขายผักที่นี่ก็แปลกติดตาดีครับ ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดจำเขี่ยเป็นบล็อคสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แต่ละเจ้าก็จะสรรหาวิธีการทำให้บล็อคของตนนั้นยัดผักเข้าไปได้มากที่สุด บ้างก็เสริมข้าง วางเรียงหน้าร้าน หรือกระทั่งใช้ทฤษฎีพีทาโกรัสลาดเอียงเฉียงขึ้นบนก็มี เท่ห์สุด ๆ
สังเกตเห็นไหมครับว่า ตั้งแต่ภาพแรกถึงภาพนี้ ตลาดซานหยวนหลี่ สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ตลาดสดของจีนสมัยใหม่ได้ดีทีเดียว ทั้งความสะอาด การจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ และความถ้อยทีถ้อยอาศัยของแม่ค้าพ่อค้า ทำไปทำมาตลาดไทยก็น่าเอาอย่างนะครับ