โลกที่หลากสีได้ดึงดูดสายตาของพวกเรา เรามัวแต่ชมทุกสิ่งทุกอย่างกลัวว่าจะมองไม่ทัน แต่กลับไม่ค่อยใส่ใจว่าดวงตาของพวกเรายังดีอยู่หรือเปล่า ในสมัยปัจจุบัน ดวงตาเป็นอวัยวะที่เหนื่อยที่สุดของร่างกาย ถ้าเราใช้ตาไม่ถูกต้อง ก็ยิ่งจะทำให้ติดโรคทางตามากขึ้น ดวงตามักจะถูกกล่าวถึงว่าเป็นหน้าต่างของหัวใจ วันนี้ขอแนะนำความรู้ส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับดวงตา เพื่อให้ท่านผู้ฟังเข้าใจและทะนุถนอมดวงตาอย่างถูกต้องมากขึ้นได้
ปัจจุบันคอนแทกเลนส์เป็นของใช้สำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี เสนอให้เลือกใส่คอนแทกเลนส์อย่างระมัดระวัง เพราะการใส่คอนแทกเลนส์จะทำความเสียหายต่อเยื่อกระจกตาได้ด้วย เมื่ออายุมากกว่า 40 ปี กำลังต่อต้านของตาก็อ่อนลง โดยเฉพาะศักยภาพทนต่อการขาดออกซิเจนก็ลดน้อยลง จึงทำให้การใส่คอนแทกเลนส์ง่ายที่จะติดเชื้อและเกิดโรคแทรกซ้อน
บางคนมีข้อสงสัยว่าทำไมเลนส์แว่นตากับคอนแทกเลนส์ของคนเดียวกันแต่มีค่าความผิดปกติทางสายตาต่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าแว่นตาธรรมดาใส่อยู่หน้าดวงตา ส่วนคอนแทกเลนส์ใส่ติดกับเยื่อกระจกตา ตามหลักทัศนศาสตร์ ค่าความผิดปกติทางสายตาของคอนแทกเลนส์สำหรับคนสายตาสั้นย่อมจะต่ำกว่าเลนส์แว่นตา ตรงข้ามกับคอนเทกเลนส์ของคนสายตายาวจะมีค่าความผิดปกติสูงกว่าแว่นตายาว
บางทีดวงตาจะมีอาการแดงมีเส้นเลือดฝอยปรากฏให้เห็น อาการแบบนี้เกิดขึ้นเนื่องจากหลายสาเหตุ อาจเพราะอากาศที่เป็นมลพิษ เพราะได้กินอาหารเผ็ดมากเกินไป หรือเกิดจากการอดนอน ถ้าเป็นสาเหตุเหล่านี้ ใช้น้ำยาหยอดตาจะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ถ้าใช้แล้วยังไม่ได้ดีขึ้น ก็อาจจะมีสาเหตุจากการติดเชื้อหรือมีอาการแพ้ ซึ่งยาหยอดตาทั่วๆ ไปจะไม่สามารถรักษาได้ ต้องไปหาหมอให้หมอตรวจและรักษาตามอาการ
การใช้น้ำยาหยอดตาก็ไม่ใช่ว่าใส่ยิ่งเยอะยิ่งดี ใส่ 1 หยดก็พอแล้ว เพราะถุงเยื่อตาสามารถบรรจุน้ำยาตาครึ่งหยด ถ้าใส่ไปมากก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่เสียเปล่าๆ
เมื่อกล่าวถึงน้ำยาหยอดตา มีบางคนอาจจะรู้สึกเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะคิดว่าน้ำยาหยอดตาเป็นของใช้ทั่วไป เมื่อรู้สึกตาแห้งก็ใช้ยาหยอดตาบ้าง อันที่จริงนี่เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่มีโรคตาแห้งจะต้องใช้หยอดตา 1-2 ครั้งในทุกวัน ส่วนผู้ที่มีโรคตาอื่นๆ ก็ต้องใช้น้ำยาหยอดตาตามคำสั่งของแพทย์ แต่คนธรรมดาไม่ควรใช้น้ำยาตามใจชอบ โดยเฉพาะน้ำยาหยอดตาที่มีส่วนประกอบของยาปฏิชีวนะหรือฮอร์โมน ซึ่งอาจมีผลเสียต่อคนธรรมดาที่ไม่มีโรคตา