น้ำเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้ในชีวิตของเรา แต่เราอาจจะมองข้ามไป ไม่ได้สำนึกถึงความสำคัญของน้ำ เพราะฉะนั้นเราขอมาแนะนำความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับน้ำ เพื่อให้ท่านผู้ฟังได้เข้าใจน้ำ และใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

น้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต ถ้าไม่ทานอาหาร 7 วันก็อาจจะอดตาย แต่ถ้าไม่ดื่มน้ำเพียง 3 วัน ก็จะตายเพราะขาดน้ำแน่ ฉะนั้น การดื่มน้ำกลายเป็นเรื่องที่ต้องทำในทุกวันของมนุษย์เรา

แม้ว่าทุกคนต่างก็ทราบว่าการดื่มน้ำเป็นเรื่องที่ต้องทำในทุกวัน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทราบว่าควรดื่มน้ำอย่างไร ถ้ารู้จักวิธีดื่มน้ำที่ถูกต้อง เพื่อจะได้รับผลดีอย่างเต็มที่จากน้ำ วันนี้เราสองคนขอเริ่มแนะนำความรู้เกี่ยวกับน้ำ ในเรื่องวิธีการดื่มน้ำที่ถูกต้องให้มากยิ่งขึ้น

ในร่างกายของมนุษย์เรามีน้ำเป็นส่วนประกอบร้อยละ 50-60 ฉะนั้น ร่างกายจึงต้องมีน้ำที่เพียงพอ เพื่อรักษาการทำงานที่เป็นปกติของร่างกาย ปกติ เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป 1 แคลอรีก็ควรต้องรับน้ำ 1 มิลลิลิตรจึงจะมีความสมดุลภายในร่างกายได้ ดังนั้น คนทั่วไปแต่ละวันต้องการน้ำ 1.5-2 ลิตร ซึ่งเท่ากับน้ำแก้วละ 200 มิลลิลิตร 8 แก้ว

คนทั่วไปอาจจะมีความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งก็คือ จะดื่มน้ำตอนรู้สึกหิวน้ำ แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อมีความรู้สึกหิวน้ำ ก็แสดงว่าเซลล์ภายในร่างกายได้ตกอยู่ในสภาพขาดน้ำแล้ว นอกจากนี้ ถ้ารับน้ำเข้าไปน้อยกว่า 5 แก้วก็ง่ายที่จะทำให้เกิดอาการท้องผูก แต่เช่นเดียวกัน การดื่มน้ำมากเกินไปก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย เพราะจะเพิ่มภาระของไต

และไม่ใช่ว่าแต่ละวันดื่มน้ำ 1.5 ลิตรก็ถูกต้องโอเคแล้ว เพราะอย่าลืมว่าอาหารที่เราได้ทานเข้าไปในแต่ละวัน อย่างเช่น ผักและผลไม้ล้วนมีน้ำประกอบอยู่ด้วย ถ้าได้ทานผักผลไม้และดื่มน้ำอีก 8 แก้วเต็มๆ ก็อาจจะเกิดอาการดื่มน้ำมากเกินไป เพิ่มภาระให้กับไต ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ

ฉะนั้น วิธีการที่ดีที่สุดก็คือเลือกเวลาที่เหมาะสมดื่มน้ำ และดื่มน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณที่ร่างกายต้องการ

ยามที่เหมาะสมกับการดื่มน้ำยามแรกก็คือหลังตื่นนอนในตอนเช้า ในตอนเช้า เมื่อตื่นนอนแล้วอย่าเพิ่งรีบทานอาหารเช้า ให้ดื่มน้ำแก้วหนึ่งตอนท้องยังว่างอยู่ แล้วค่อยไปล้างหน้าล้างตาและทานอาหารเช้า การดื่มน้ำในตอนเช้าจะเป็นผลดีในการป้องกันกระเพาะและลำไส้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการบำรุงรักษาตับและถุงน้ำดี ตลอดจนช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายให้เป็นปกติได้